กรุงเทพฯ--12 ก.พ.--หอการค้าไทย
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมรอบด้านทั้ง ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และภัยแล้ง หอการค้าไทยและเครือข่ายทั่วประเทศจึงได้รวมพลังช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว
ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำลายสุขภาพของประชาชนและบรรยากาศการท่องเที่ยวส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในฤดูแล้งของทุกปี ซึ่งหนึ่งในสาเหตุหลักคือ การเผาเศษวัสดุที่เหลือจากการเก็บเกี่ยวทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบอ้อย ต้นและซังข้าวโพด
หอการค้าไทยพร้อมเครือข่ายอาทิ เอสซีจี โดยธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง สยามคูโบต้า และมิตรผล ได้ร่วมมือกันส่งเสริมให้เกษตรกรหยุดเผา แต่หันมาเพิ่มมูลค่าโดยใช้ประโยชน์จากเศษวัสดุเหล่านี้ โดยการนำเครื่องจักรที่ทันสมัยมาบีบอัด ฟางข้าว ใบอ้อย ต้นและซังข้าวโพด ให้เป็นก้อนแข็งเพื่อง่ายต่อการขนส่ง ทั้งนี้ ปัจจุบันโรงงานในเครือข่ายเช่น โรงปูนซีเมนต์ โรงงานกระดาษ โรงงานน้ำตาล รับซื้อเศษวัสดุที่เหลือจากการเก็บเกี่ยวทางการเกษตรในราคาขาย 1,000 บาทต่อตัน พร้อมเชิญชวนโรงงานอื่นๆ ทั้งที่เป็นเครือข่ายและไม่ได้เป็นเครือข่ายพิจารณาการรับซื้อฟางข้าว ใบอ้อย ต้นและซังข้าวโพด ไปใช้เป็นพลังงานทดแทนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชน รัฐบาลจึงได้แก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนด้วยการจัดทำโครงการ "ขุดดินแลกน้ำ" เป็นการขุดบ่อแก้มลิงเพื่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็กในพื้นที่ และสามารถนำดินจากการขุดลอกไปใช้ประโยชน์ได้
หอการค้าไทยยินดีสนับสนุนโครงการ "ขุดดินแลกน้ำ" นี้โดยขอความร่วมมือไปยังหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศในการให้ข้อมูลพื้นที่สาธารณะหรือแหล่งน้ำตื้นเขินและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอรับทราบรายละเอียดและสนับสนุนการดำเนินงานตามโครงการฯ