กรุงเทพฯ--13 ก.พ.--กรมทางหลวง
ขานรับนโยบาย "รมว.คมนาคม" กรมทางหลวงระดมเครื่องจักรเพิ่มอีก 3 ชุด เร่งสปีดปูผิวถนนพระราม 2 ระยะทาง 11.7 กม. ยัน 14 ช่องจราจรไป-กลับได้ใช้แน่ก่อนสงกรานต์นี้ ช่วยอำนวยความสะดวกเพิ่มความคล่องตัวเดินทาง แก้ไขปัญหารถติด
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีนโยบายให้กรมทางหลวงเร่งรัดงานก่อสร้างโครงการก่อสร้างขยายทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี-ปากท่อ (ถนนพระราม 2) จากทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ตอนที่ 1-3 ระยะทาง 11.7 กม. โดยเร่งรัดให้เปิด 14 ช่องจราจร (ไป-กลับ) ภายในสงกรานต์ปีนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทางของประชาชนในการกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลดังกล่าว รวมถึงการแก้ไขปัญหาการจราจรคับคั่งในพื้นที่พระราม 2 นั้น
ล่าสุดกรมทางหลวงได้เร่งรัดให้ผู้รับเหมาก่อสร้างในโครงการดังกล่าวระดมเครื่องจักรเข้าทำการก่อสร้างในทางหลักทั้งขาเข้าและขาออกเพิ่มอีกจำนวน 3 ชุด เพื่อดำเนินการปูผิวถนนช่วงทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทางประมาณ 11.7 กม. โดยความคืบหน้าล่าสุดช่องจราจรขาเข้า ช่องที่ 3 และช่องที่ 4 ซึ่งได้ปิดเพื่อทำการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 2563 สามารถดำเนินการปูผิวถนนเสร็จแล้ว 22% ของการดำเนินการทั้งหมด หรือคิดเป็นระยะทาง 2,400 เมตร เหลือการก่อสร้างอีก 8,600 เมตร ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มี.ค. 2563
ในขณะที่ช่วงขาออกช่องที่ 3 และช่องที่ 4 ปิดเพื่อการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. 2563 ดำเนินการปูผิวถนนเสร็จแล้ว 41% ของการดำเนินการทั้งหมด คิดเป็นระยะทาง 4,550 เมตร คงเหลืออีก 6,450 เมตร โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 25 มี.ค. 2563 โดยกรมทางหลวงขออภัยในความไม่สะดวกระหว่างการก่อสร้างดังกล่าว และประชาชนผู้ใช้ทางยังสามารถใช้เส้นทางนี้ได้ 10 ช่องจราจร
"กรมทางหลวงให้ความมั่นใจว่าก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ เส้นทางหลักและทางขนานไป-กลับ 14 ช่องจราจรของถนนพระราม 2 จะเปิดใช้ได้อย่างแน่นอนตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่มีความห่วงใยปัญหาความเดือดร้อนของผู้ใช้ถนนพระราม 2 และจะเร่งรัดโครงการให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือน ส.ค. 2563" นายสราวุธ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้กรมทางหลวงได้เร่งดำเนินการก่อสร้างทางหลักส่วนขยายเพื่อคืนพื้นผิวจราจรบางส่วนให้รถวิ่งได้เพิ่มเติม โดยเมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2563 ได้เบี่ยงช่องจราจรให้มาวิ่งในช่องทางหลักขาออกได้ 2 ช่องจราจร (ช่อง 1-2) ทางขนาน 3 ช่องจราจร รวมเป็น 5 ช่องจราจร หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2563 ได้เปิดช่องจราจรหลักขาเข้า 4 ช่องจราจรทางหลัก ทางขนาน 3 ช่องจราจร รวมเป็น 7 ช่องทางจราจร และในวันที่ 5 ก.พ. 2563 ได้ปิดพื้นที่ก่อสร้างในช่องที่ 3 และช่องที่ 4 เพื่อเร่งรัดงานก่อสร้าง คงเหลือช่องจราจรหลักขาเข้า 2 ช่องจราจร (ช่องที่ 1-2) ทางขนาน 3 ช่อง รวมเป็น 5 ช่องจราจร
รวมทั้งเพิ่มความคล่องตัวของการจราจร โดยการประสานไปยังอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสมุทรสาคร และสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เพื่อขอความร่วมมือให้รถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งบนทางขนานเพื่อลดความแออัดของการจราจรในช่องทางหลัก และการกวดขันรถยนต์ที่จอดริมทางขนานเพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจรซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ 21 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา