![GIT จัดการสัมมนา “ความเป็นไปได้ในการนำ Blockchain มาใช้สำหรับระบบติดตามแหล่งที่มาของพลอยสีไทย”หวังผู้ประกอบการไทยตื่นตัวรับสถานการณ์การค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน]()
กรุงเทพฯ--14
ก.พ.--สถาบันวิจัยและพัฒนา
อัญมณีและ
เครื่องประดับแห่งชาติ(องค์การมหาชน)
สถาบันวิจัยและพัฒนา
อัญมณีและ
เครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT มุ่งส่งเสริมการวิจัยพัฒนาและ
นวัตกรรมด้าน
อัญมณีและ
เครื่องประดับ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ประเดิมปี 2563 ด้วย การจัดการสัมมนาในหัวข้อ "ความเป็นไปได้ในการนำ Blockchain มาใช้สำหรับระบบติดตามแหล่งที่มาของ
พลอยสีไทย" เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทย ได้รับทราบถึงข้อมูล และแนวทางการนำระบบ Blockchain มาใช้สำหรับระบบติดตามแหล่งที่มาของ
พลอยสี เพื่อช่วยพัฒนาการค้า
อัญมณีและ
เครื่องประดับไทย
นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา
อัญมณีและ
เครื่องประดับแห่งชาติ เปิดเผยว่า ปัจจุบันนโยบายความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน
เครื่องประดับ จัดเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจบริโภคสินค้า
อัญมณีและ
เครื่องประดับในกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่หรือประชากรในกลุ่ม Millennial ซึ่งจัดเป็นกลุ่มผู้บริโภคหลักและใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรม
อัญมณีและ
เครื่องประดับ
หากแต่กระบวนการสร้างความโปร่งใสนี้เป็นสิ่งที่มีความพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมมามากกว่าทศวรรษ เริ่มต้นจากอุตสาหกรรมเพชร ที่ประสบปัญหาจากเพชรแห่งความขัดแย้ง หรือ "conflict diamonds" ส่งผลให้มีการจัดตั้งกรอบความตกลง Kimberley Process Certificate Scheme (KPCS) ในปี 2546 เพื่อใช้แสดงความโปร่งใสของแหล่งที่มาของเพชรที่ใช้ในอุตสาหกรรม
เครื่องประดับ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับอุตสาหกรรมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
ต่อมาในอุตสาหกรรม
เครื่องประดับ โดยเฉพาะกลุ่ม
เครื่องประดับแบรนด์เนมได้เพิ่มแรงกดดันต่อห่วงโซ่อุปทาน
เครื่องประดับ เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของวัตถุดิบและส่วนประกอบของ
เครื่องประดับ เพื่อให้แน่ใจถึงการดำเนินการทางธุรกิจอย่างมีจริยธรรม โดยระบบที่มีการประยุกต์ใช้ในปัจจุบันมีทั้งที่กำหนดโดย Responsible Jewelry Council หรือ RJC และที่มาจากอุตสาหกรรมเพชรและโลหะมีค่า ซึ่งบริษัทต่างๆ ที่เป็นสมาชิกต้องปฏิบัติตามมาตรฐานสากลในเรื่องการสำแดงที่มาของวัตถุดิบตลอดห่วงโซ่การผลิต ทั้งนี้ในส่วนของอุตสาหกรรม
พลอยสีนั้นมีความท้าทายและยากลำบากในการระบุที่มาของวัตถุดิบ เนื่องจากวัตถุดิบส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 80 มาจากการทำเหมืองแร่แบบดั้งเดิมหรือเหมืองขนาดเล็กซึ่งทำให้ไม่สามารถระบุ/แสดงแห่งที่มาที่ชัดเจนได้
การสัมมนา "ความเป็นไปได้ในการนำ Blockchain มาใช้สำหรับระบบติดตามแหล่งที่มาของ
พลอยสีไทย" ภายใต้โครงการศึกษาระบบการสำแดงและติดตามแหล่งที่มาของ
พลอยสี เป็นโครงการหนึ่งที่สถาบันได้จัดทำขึ้นมุ่งเน้นตอบสนองต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยสถาบันได้ร่วมมือกับบริษัท โบลลิเกอร์ แอนด์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมมือกันหาคำตอบให้ประเด็นนี้อย่างจริงจัง โดยได้ศึกษาแนวทาง และวิธีการของระบบติดตามแหล่งที่มาของ
อัญมณีในปัจจุบัน แนวโน้มการใช้เทคโนโลยีในการสนับสนุนการสร้างความเชื่อมั่นในแหล่งที่มาของ
อัญมณีและ
เครื่องประดับในตลาด ตลอดจนปัจจัย ท้าทายต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรม
พลอยสีนั้นค่อนข้างยาว มีผู้เล่นจำนวนมาก มีความซับซ้อนสูง และกระจัดกระจาย ส่งผลให้การสร้างความเชื่อมั่นผ่านการวางระบบติดตามแหล่งที่มาของ
พลอยสีในตลาดมีความท้าทายมากกว่าในอุตสาหกรรมอื่นๆ
"จากแนวโน้มสำคัญข้างต้น กลไกการตรวจรับรอง
อัญมณี อย่างเช่น การตรวจสอบ
อัญมณีและ
เครื่องประดับ ผ่านใบรับรองของ GIT และเทคโนโลยี Blockchain ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับความท้าทายของการติดตามแหล่งที่มาของ
อัญมณีและ
เครื่องประดับในอุตสาหกรรม ทั้งนี้ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการในต่างประเทศได้ริเริ่มนำระบบ Blockchain มาประยุกต์ใช้ในการติดตามแหล่งที่มาของเพชรและ
พลอยสีแล้ว ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตและจำหน่าย
พลอยสีที่สำคัญของโลก จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งหาแนวทางในการปรับตัวและรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้ในห่วงโซ่อุปทาน
เครื่องประดับ"ผู้อำนวยการสถาบัน กล่าวปิดท้าย
นอกจากนี้ สถาบันยังได้กำหนดจัดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อการแนะนำการใช้ระบบ Blockchain Traceability ในหัวข้อ "ความเป็นไปได้ในการนำ Blockchain มาใช้สำหรับระบบติดตามแหล่งที่มาของ
พลอยสีไทย" ภายในงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair 2020 ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ตั้งแต่เวลา 9.30 – 16.30 น. ณ ห้องจูปิเตอร์ 7 อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี ซึ่งผู้ที่สนใจจะได้ร่วมทำ Workshop เพื่อทดลองใช้ระบบติดตามแหล่งที่มาของ
พลอยสี เพื่อให้เข้าใจขั้นตอนของระบบอย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรม
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสมัครเข้าร่วมการสัมมนาได้ที่ 02 – 634 – 4999 ต่อ 640 หรือ bd@git.or.th ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.git.or.th