![กรมวิทยาศาสตร์บริการ นำเสนอข้อมูลวิทยาศาสตร์ สร้างปัญญา สร้างโอกาส สร้างอนาคต ในการประชุมหัวหน้าภาควิชาเคมีฯ ครั้งที่ 34]()
กรุงเทพฯ--17 ก.พ.--
กรมวิทยาศาสตร์บริการ
ดร.ลดา พันธ์สุขุมธนา ผู้อำนวยการสำนักหอสมุดและศูนย์
สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นักวิทยาศาสตร์ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนา รักษาราชการแทนรองอธิบดี
กรมวิทยาศาสตร์บริการ เป็นผู้แทน
กรมวิทยาศาสตร์บริการเข้าร่วมการประชุมหัวหน้าภาควิชา
เคมีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 34 จัดโดยสาขาวิชา
เคมี คณะ
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับสมาคม
เคมีแห่งประเทศไทยในพระอุปถัมภ์ ณ อาคารอิมแพคโฟรั่ม เมืองทองธานี ในการนี้ ดร.ลดาฯ ได้ร่วมบรรยายให้
ข้อมูลในหัวข้อวิทยาศาสตร์ สร้างปัญญา สร้างโอกาส สร้างอนาคต เพื่อให้หัวหน้าภาควิชา
เคมีจากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศที่เข้าร่วมประชุมได้รับฟัง
ข้อมูล นโยบายจุดเน้นการขับเคลื่อน อว. แผนงานยุวชนสร้างชาติ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ อันจะนำไปสู่การผลิตบัณฑิตวิทยาศาสตร์ สาขา
เคมี ที่พึงประสงค์ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศให้มีความยั่งยืนต่อไป
วศ. อว. เห็นความสำคัญของการสร้างบัณฑิตควบคู่ไปกับการสร้างกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิต ทั้งด้านความรู้ ทักษะทางวิชาการ อารมณ์และสังคม และหลักคิดมีคุณธรรม จริยธรรม ความรับผิดชอบต่อสังคม มีศักยภาพที่จะดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21 ได้จัดทำแผนงานยุวชนสร้างชาติ ที่มีเป้าหมายคือเยาวชนวัยหนุ่มสาวในรั้วมหาวิทยาลัยและบัณฑิตจบใหม่ เปิดโอกาสให้นำความรู้ความสามารถออกไปช่วยพัฒนาชุมชน สร้างประสบการณ์สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับตนเองและชุมชนแก้ไขปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั้งยืนด้วยความรู้วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งการก่อให้เกิดอาชีพใหม่ที่สร้างคุณค่าใหม่ในการขับเคลื่อนประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาความรู้ทักษะด้านโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศ (NQI) ซึ่งเป็นระบบการบริหารจัดการที่สำคัญที่จะช่วยให้ขายสินค้าและบริการได้ ทั้งช่วยให้ผู้บริโภคใช้สินค้าและบริการได้อย่างมั่นใจ
ศ.ดร.สุภา หารหนองบัว นายกสมาคม
เคมี ได้แสดงความเห็นถึงความสำคัญของแผนงาน วศ.อว. ที่นำเสนอในครั้งนี้ ภาควิชา
เคมี ของมหาวิทยาลัยที่มาร่วมประชุมในวันนี้ มีประสบการณ์ทำงานร่วมกับชุมชน มีความพร้อมที่จะร่วมทำงานอย่างบูรณาการกับ วศ. ในการช่วยยกระดับกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิตของเยาวชนและบัณฑิตพร้อมกับแก้ปัญหาชุมชนของประเทศ รวมถึงการพัฒนาความรู้ทักษะด้าน NQI อันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคอย่างยั่งยืน