กรุงเทพฯ--18 ก.พ.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
"ชีวาทัย" วางเป้ารายได้ปี 2563 แตะ 2,000 ล้านบาท กำ Backlog 1,572 ล้านบาท เล็งรับรู้รายได้ปีนี้ 796 ล้านบาท พร้อมลุยเปิดโครงการใหม่อีก 4 โครงการ มูลค่า 3,602 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 3 โครงการ และแนวสูงอีก 1 โครงการ
นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2563 อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท เติบโต จากปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,154 ล้านบาท เนื่องจากในปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 1,572 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปี 2563 อยู่ที่ 796 ล้านบาท โดยส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งบริษัทยังมีคอนโดมีเนียมที่เริ่มสามารถรับรู้รายอีก 3 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค จรัญ 13 มูลค่าโครงการ 430 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในไตรมาส 1/63, 2.โครงการชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส3/63 และ 3.โครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้าบาท โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/63
ขณะที่ในปี 2563 บริษัทเปิดโครงการ ทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่ารวม 3,602 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 3 โครงการ มูลค่า 2,266 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการชีวาโฮม กรุงเทพ-ปทุม มูลค่าโครงการ 903 ล้านบาท ที่จะเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาส 1/63, 2.โครงการชีวาโฮม รังสิต-ปทุม มูลค่าโครงการ 1,093 ล้านบาท ที่จะเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาส 2/63 และ3.โครงการฮาร์ท สุขุมวิท 36 มูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท ที่จะเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาส 1/63 โดย CHEWA มีการถือหุ้นในสัดส่วน 70%
ขณะเดียวกันบริษัทยังจะมีการเปิดโครงการแนวสูงอีก 1 โครงการ ได้แก่ โครงการชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ ลำสาลี มูลค่าโครงการ 1,336 ล้านบาท ที่จะเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาส 4/63 นอกจากนี้บริษัทยังได้ตั้งงบลงทุน เพื่อซื้อที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการของปีนี้จำนวน 858 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมสถานการณ์ของตลาดอสังหาฯปีนี้ โดยเบื้องต้นทางบริษัทได้ประเมินว่าจะยังไม่สดใสมากนัก เนื่องจากแนวโน้มตัววัดภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ (GDP) ที่ลดลง หนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการควบคุมสินเชื่อ LTV หรือการปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่เคร่งครัดมากยิ่งขึ้น แต่บริษัทยังเห็นกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ที่ยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่แท้จริงอยู่ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับประโยชน์จากปัจจัยเหล่านี้เข้ามาอีกด้วย
"ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ท้าทายอีกหนึ่งปี ซึ่งทางบริษัทจะต้องระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น และจากปัจจัยดังกล่าว ทางบริษัทมองว่ายังจะเป็นโอกาสในการใช้กลยุทธ์สร้างระบบการทำงานภายในให้แข็งแกร่งเพื่อเตรียมความพร้อม เช่น การศึกษาและสำรวจการเลือกซื้อที่ดินและทำเลที่ตั้งโครงการใหม่ๆ, การออกแบบและควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์, รวมถึงการสร้างความแตกต่างด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานและความหลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกสรรมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพราะว่าในปัจจุบันความต้องการของลูกค้าได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ทำให้เราจึงเน้นเรื่องนี้เป็นสำคัญ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย"นายบุญ ชุน เกียรติ กล่าว