กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสาน 7 จังหวัดภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยจากภาวะฝนตกหนักและคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 20 - 24 กุมภาพันธ์ 2563 โดยให้ศูนย์ ปภ.เขต ในพื้นที่ร่วมกับจังหวัดติดตามสภาพอากาศปริมาณฝน ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็วเครื่องมืออุปกรณ์เข้าประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด
นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาพอากาศ และปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่กับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ยังคงมีอากาศเย็นถึงอากาศหนาวในตอนเช้ากับมีลมแรง สำหรับภาคใต้ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี ยังคงมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร กอปภ.ก. จึงได้ประสานจังหวัดเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยในช่วงวันที่ 20 – 24 กุมภาพันธ์ 2563 ดังนี้ พื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก 3 จังหวัด วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี พื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง 4 จังหวัด วันที่ 20 – 24 กุมภาพันธ์ 2563 ได้แก่ นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส จัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ และพื้นที่ลาดเชิงเขา สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ขอให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัย พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด รวมถึงขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งและนักท่องเที่ยวระวังอันตรายจากคลื่นลมแรง สำหรับชาวเรือและผู้ประกอบการเดินเรือ ให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ทั้งนี้ สามารถติดต่อแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสาขาในพื้นที่ หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป