กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--เซ็นทรัลพัฒนา
- สนับสนุน SMEs ปั้นแบรนด์และเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยทฤษฎีเข้มข้นและเวิร์คช้อปพิเศษ เปิดโอกาสให้เปิด Pop-Up Store เพื่อ Test ตลาดจริง บน Market Place ที่ดีที่สุดอย่าง centralwOrld และ Central Festival Eastville
- โอกาสเข้าสู่ Retail Eco-System ในเครือเซ็นทรัล พร้อมเปิด Operation หลังบ้านและกิจกรรม Exclusive Outing ร่วมแชร์ประสบการณ์จริงกับกูรูชั้นนำจาก ม.ธรรมศาสตร์ Central Group, JD Central, บัตร The 1 และผู้มีประสบการณ์ด้านรีเทลอีกหลากหลายท่าน
- CPNlead คอร์สที่ Young SMEs รุ่นพี่แนะนำต่อ 100% เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ถึง 28 ก.พ. 63 ที่ www.CPN.co.th/cpnlead
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าชั้นนำของไทย ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และเซ็นทรัลวิลเลจ จับมือกับ ม.ธรรมศาสตร์ สานต่อหลักสูตร "CPNlead รุ่น 4" รีเทลคอร์สที่ดีที่สุดของประเทศ ชูความโดดเด่นและแตกต่างด้วยการ "เรียนจริง ทำจริง โตจริง" เข้มข้นด้วย Knowledge & Know-How กับกูรูตัวจริงผู้มากประสบการณ์ในวงการรีเทลที่พร้อมถ่ายทอดความรู้ตั้งแต่หน้าบ้านจนถึงหลังบ้าน พร้อมโอกาสในการลงมือปั้นแบรนด์และพัฒนาสินค้าจริงใน Pop-Up Store Workshop ซึ่งนับเป็น Signature Model ที่หาไม่ได้จากคอร์สไหน ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทำ Brand Co-Creation พร้อมทดลองไอเดียเปิดร้านจริงบนพื้นที่ Retail Prime Location ของเซ็นทรัลพัฒนา คอร์ส CPNlead ได้เปิดสอนมาตั้งแต่ปี 2017 มีแบรนด์เข้าร่วมกว่า 120 แบรนด์ ซึ่งกว่า 50% สามารถต่อยอดธุรกิจและขยายสาขากับเซ็นทรัลพัฒนาได้จริงทันที เปิดรับสมัครรุ่น 4 แล้ววันนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2563 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ www.CPN.co.th/cpnlead
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดของ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า "คู่แข่งสำคัญของ SMEs ยุคนี้ไม่ใช่ร้านค้า Brick-and-Mortar อีกต่อไป แต่เป็น Time & Choice ของ Consumer ที่ใช้เวลาไปกับ Multi-screen ต่างๆ ดังนั้น โจทย์ของผู้ประกอบการคือทำอย่างไรจึงจะดึงเวลาตรงนั้นมาและทำให้ ลูกค้าอยู่กับเราให้นานที่สุด หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือการสร้าง Signature ให้กับแบรนด์ อะไรคือสิ่งที่ทำให้เราเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าได้ ซึ่งการทำ Segmentation อาจจะไม่เพียงพอแล้วแต่ต้องลงลึกถึงการสร้าง 'สาวกของแบรนด์' หรือ Tribe ขึ้นมา นั่นคือการสร้างฐานกลุ่มคนที่มีแพชชั่นหรือความหลงใหลในความมีเอกลักษณ์ในตัวแบรนด์ และยังบอกต่อหรือเป็น Advocator ให้กับแบรนด์ด้วย ซึ่งการจะหา Tribe ของแบรนด์ได้นั้น เราต้องรู้จริงในธุรกิจของตัวเอง มี Character และมี Option ที่หลากหลายให้ลูกค้า Personalize ได้ ดังนั้นจะเห็นได้เลยว่า Product Life Cycle จะสั้นลง ลูกค้าต้องการสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา หนึ่งในกลยุทธ์ที่จะเข้ามาช่วยให้ธุรกิจคิดโปรดักท์ใหม่ๆ ได้ก็คือการทำ Brand Co-Creation ซึ่งตรงนี้เราเห็นได้จากเทรนด์ Global Brand ที่มา Co-creation สิ่งใหม่ร่วมกันแล้วเกิดเป็นกระแสและสร้าง Impact มหาศาล"
ดร. ณัฐกิตติ์ กล่าวต่อไปว่า "การทำ Co-creation ช่วย Transform SMEs สร้าง Dynamism ให้เกิด Innovation ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างไม่หยุดนิ่ง ดังนั้น ในคอร์ส CPNlead ที่เราตั้งใจช่วยพัฒนา Young SMEs เราจึงจัดให้มีเวิร์คช้อปเปิดร้าน Pop-Up Store ที่เราตั้งโจทย์อย่างจริงจังให้ SMEs ที่มาเรียนได้ทดลองทำ Brand Co-Creation กันจริงๆ และทำในแบบข้าม Category ระหว่าง Food, Fashion และ Specialty ซึ่งจากการพัฒนาคอร์สที่ผ่านมา โมเดลนี้ช่วยให้ SMEs แตกไลน์โปรดักท์และต่อยอดธุรกิจได้จริง เพราะเราก็ให้โอกาสได้มาทดลองไอเดีย และ Test ตลาดที่ศูนย์การค้าโลเคชั่นที่ดีที่สุดของเรา ทำให้ผู้ประกอบการได้มาเจอผู้บริโภคจริงๆ ได้ฟัง Feedback ที่หลายเคสแบรนด์ที่เคยทำแต่บนออนไลน์อาจจะไม่เคยรู้ Consumer Insight ตรงนี้มาก่อนเลย ซึ่งหลังจากจบคอร์สก็สามารถเอาประสบการณ์ตรงนี้ไปช่วย Scale Up ให้ธุรกิจตัวเองได้เลย"
พร้อมกันนี้เซ็นทรัลพัฒนา พี่ใหญ่วงการรีเทล ยังได้เผยเคล็ดลับในการช่วย SMEs ไทยเริ่มต้นทำ Brand Co-Creation ดังนี้
1) Know Your Strength: เริ่มต้นจากรู้จักจุดแข็งของตัวเองก่อน อะไรคือ Unique Selling Point ที่ครองใจลูกค้าเรา และเราจะต่อยอดจุดนี้กับการทำ Co-Creation อย่างไร
2) Know Your Partner: ไม่ว่าจะเลือก Collab กับแบรนด์เล็กเหมือนกัน หรือแบรนด์ที่ใหญ่กว่า จะต้องดูว่าเรามี Core Value ตรงกันไหม มีการ Sharing Expertise กันจริงๆ ที่จะช่วย Lift Up ทั้งสองแบรนด์ให้โตไปด้วยกัน
3) Know Your Customer: สุดท้ายสิ่งที่ได้จากการ Collab จะต้องเกิดประโยชน์กับลูกค้า เกิด New Experience หรือ New Product ที่เข้าไป Solve ปัญหาหรือตอบโจทย์ลูกค้าได้
ผศ. ปิติพีร์ รวมเมฆ อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ม. ธรรมศาสตร์ ผู้อำนวยการหลักสูตร CPNlead กล่าวว่า "การทำธุรกิจในวันนี้ผู้ประกอบการจะมีแค่ Passion นั้นไม่เพียงพอ แต่จะต้องรู้จริงในทุกเรื่องและพร้อมที่จะปรับตัว เพราะปัจจุบันหลายธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายของเทคโนโลยีที่เข้ามา Disrupt อย่างเช่น Food ก็ต้องแข่งกับการ Delivery
ผู้บริโภคไม่ได้ต้องการแค่ของกินถูกใจแต่ต้องการความเร็วด้วย หรือ Fashion ที่แบรนด์ที่เก่งเรื่อง Omnichannel เชื่อมโยงกับลูกค้าได้ทุกช่องทางก็จะได้เปรียบแบรนด์ที่มีบนแพลตฟอร์มเดียว คอร์ส CPNlead นี้จะสอนให้คุณเข้าใจใน Core Competency เคล็ดลับอะไรที่จะเปลี่ยน Passion ให้เป็น Action ได้ความสำเร็จ และแตกต่างจากคอร์สทั่วไปด้วยการทำเวิร์คช้อปในรูปแบบ Pop-Up Store ซึ่งผู้เรียนจะต้องลงมือทำจริง เพื่อทดลองตลาดจริงๆ เลยว่าสิ่งที่คิดและความรู้จากห้องเรียนจะนำไปปรับใช้ยังไง ถ้าเจอปัญหาแบบนี้เราจะแก้ไขตรงไหน ดังนั้นจะเห็นได้เลยว่าหลังจากจบคอร์สที่ผ่านมา นักเรียนสามารถนำความรู้ไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจของตัวเองได้ทันที ทั้งแตกไลน์โปรดักท์ใหม่หรือเปิดแบรนด์ใหม่ก่อนจบคอร์สด้วยซ้ำ"
คุณสิษฐ์ - พสิษฐ์ รัตน์จารุพงศ์ จากแบรนด์ Kiss me doll แบรนด์ผ้าพันคอสไตล์น่ารักฝีมือคนไทยที่มีเอกลักษณ์จากลายผ้าปริ้นท์สีหวาน และเป็นผู้ชนะเลิศจาก CPNlead รุ่น 3 กล่าวว่า "สำหรับผู้ประกอบการมีโอกาสไม่มากนักที่เราจะเข้าถึงประสบกาณ์รีเทลจริงๆ แบบนี้ ส่วนตัวรู้สึกว่าการที่แบรนด์ SMEs ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนที่จริงจังกับการทำธุรกิจ ได้มาร่วมทำ Brand Collab ด้วยกัน ทำให้เราพัฒนาตัวเองกันไปมาก รวมถึงได้เรียนรู้จากมุมมองของคนอื่นๆ ที่เป็นตัวจริงด้านรีเทลด้วย และเพื่อนๆ ในคลาสทุกคนเป็นเหมือนครอบครัวที่คอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษากัน การได้กลับไปเรียนรู้ในสิ่งที่เราเคยมองข้ามไป ช่วยให้เราได้ไอเดียต่อยอดในการทำธุรกิจ ซึ่งคอร์สนี้นี้การเรียนรู้และลงมือทำ จนตอนนี้เราก็ได้แตกแบรนด์ใหม่ในชื่อ Kiss me pls. และได้รับกระแสตอบรับที่ดีทั้งจากลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่"
คุณฮง - ทวีสิทธิ์ กาญจนวงศ์ไพศาล จากแบรนด์ KLANDTH ร้านเสื้อผ้ามัลติแบรนด์แนวสตรีทแฟชั่นที่ส่งตรงจากประเทศเกาหลี กล่าวว่า "คอร์สนี้เรียนจริง ลงมือทำจริง เราได้เรียนรู้การทำรีเทลมากกว่าแค่ คอนเน็คชั่น จากตอนแรกที่ไม่เคยคิดว่าเราจะต้องลงมาดูหน้าร้านเอง เพราะหลักๆ เราก็นำเข้าแบรนด์มาจากเกาหลี แต่พอได้มาลุยทำ ทดลองไอเดีย รวมถึงทำ Collab กับเพื่อน ก็ทำให้เราได้แตกไลน์โปรดักท์ของตัวเองเป็นครั้งแรก ทำให้ได้เรียนรู้และเห็นข้อผิดพลาดที่เราจะต้องกลับมาพัฒนาธุรกิจของเราให้ดีขึ้น พอจบคอร์สนี้ก็มีไอเดียใหม่ในการทำธุรกิจคือ K St [ ] ry ที่มีโปรดักท์ใหม่ที่เป็นของตัวเองจริงๆ อีกเรื่องที่ประทับใจคือเพื่อนๆ ในคลาสที่ทุกคนมีประสบการณ์รีเทลมานาน มีความเป็น Entrepreneur ตัวจริง และทุกคนก็ให้คำปรึกษากัน แชร์ปัญหากัน จนหลังจบคอร์สก็ยังคุยกันอยู่"
คุณผึ้ง - จารุวรรณ เลิศสินธุ์ภักดี จากแบรนด์ "ZleepSleep" ผลิตภัณฑ์เครื่องนอนที่มีความชำนาญในการสรรหาเนื้อผ้าคุณภาพพรีเมี่ยมมาตัดเย็บด้วยความพิถีพิถัน กล่าวว่า "ด้วยความที่เราทำธุรกิจมานาน 6-7 ปี จนบางทีก็จะติดอยู่กับมุมมองเดิมๆ แต่ในคอร์สนี้เราได้มาปลดล็อคมุมมอง และหาทางแก้ Pain Point ที่เราเจอมานาน อย่างเรื่อง Image ของแบรนด์ที่เรายังไม่สามารถสื่อสารถึงความมี Quality ที่แท้จริงของเนื้อผ้าของแบรนด์เราได้ ซึ่งตรงนี้ก็ทำให้เราได้ลองทำแบรนด์ใหม่ขึ้นมาเลยชื่อ Fabric Tales และทดลองตลาดได้เลยที่ Pop-Up Store คอร์ส CPNlead เรียกได้ว่าช่วยให้เราค้นพบจุดแข็งที่เรามี มองเห็นช่องว่างของตลาด และสนับสนุนให้เรากล้าออกจากความคุ้นเคยเดิมๆ เป็นไอเดียใหม่และโปรดักท์ที่ขายได้จริง เราสามารถ Test ตลาดได้เลยว่ารอดหรือไม่รอด"