กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--ไออาร์ พลัส
SGP อวดผลประกอบการปี 62 ทำรายได้ 67,441.80 บาท มีกำไร 1,359.92 ล้านบาท โต 56.10% ด้านบอร์ดเอาใจผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 0.25 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 3 มีนาคม 2563 กำหนดจ่ายปันผลวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ด้าน "ศุภชัย วีรบวรพงศ์" แม่ทัพใหญ่ เปิดแผนปี 63 ตั้งเป้ายอดขายโต 5-6% ปริมาณขาย LPG 4 ล้านตัน จากต่างประเทศและตลาดเกิดใหม่เติบโตโดดเด่น พร้อมเดินแผนขยายการลงทุนธุรกิจคลังก๊าซ LPG แห่งใหม่ในแถบภูมิภาคเอเซีย หวังขึ้นแท่นเป็นผู้จัดจำหน่าย LPG ครอบคลุมภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเห็นความต้องการใช้ LPG เพิ่มสูงขึ้นทุกๆ ปี
นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่าผลประกอบการในงวดปี 2562 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 1,359.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 488.74 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 56.10% เทียบกับงวดปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 871.18 ล้านบาท
โดยมีรายได้รวม 67,441.80 ล้านบาท ลดลง 1,661.74 ล้านบาท หรือลดลง 2.40% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้ 69,103.54 ล้านบาท เป็นผลมาจากราคาเฉลี่ยก๊าซ LPG ในตลาดโลก (CP Saudi Aramco) ที่ลดลงจากปีก่อน โดยราคาก๊าซเฉลี่ยสำหรับปี 2562 อยู่ที่ 438 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน ขณะที่ปี 2561 อยู่ที่ 541 เหรียญสหรัฐต่อตัน
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเสนอผู้ถือหุ้นจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการของปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท คิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 643.25 ล้านบาทโดยได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครึ่งปีแรกงวดเดือนมกราคม – มิถุนายน 2562 ไปแล้ว หุ้นละ 0.10 บาท คงเหลือจ่ายเงินปันผลในรอบครึ่งปีหลังงวดเดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2562 หุ้นละ 0.25 บาท ทั้งนี้การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับมติของผู้ถือหุ้นในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 กำหนดวัน Record Date วันที่ 4 มีนาคม 2563 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 3 มีนาคม 2563 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 14 พฤษภาคม 2563
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2563 บริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณการขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ไว้ประมาณ 4 ล้านตัน และวางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 70,000 ล้านบาท หรือเติบโตราว 6% จากปีที่ผ่านมา จากยอดขายต่างประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่องตามความต้องการ LPG ในภูมิภาคเอเชีย ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูง โดยบริษัทฯ จะเน้นไปที่ตลาดใหม่ๆที่มีศักยภาพ เช่น ประเทศบังคลาเทศและเวียดนาม
"ปีนี้เราเน้นการขยายตลาดใหม่ต่อเนื่องจากคำสั่งซื้อฐานลูกค้าเดิมและลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่ม ซึ่งบริษัทฯ คาดรายได้ปีนี้เติบโตราว 6% จากการขาย LPG ในต่างประเทศ 75% และในประเทศ 25% อีกทั้งเตรียมขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ต่อเนื่อง อีกทั้งในส่วนของธุรกิจนอกเหนือจาก LPG อย่างธุรกิจโรงไฟฟ้า ขนาด 230 MW ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 41.1 ในพม่า ในปีที่ผ่านมามีปริมาณการผลิตและขายไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2561 โดยจำหน่ายไฟฟ้า 1.25 ล้าน MW รวมถึงในปี 2563 บริษัทจะรับรู้รายได้จากธุรกิจคลังน้ำมัน ที่บริษัทได้ซื้อกิจการมาในปี 2562 โดยจะมีรายได้ประมาณปีละ 240 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้จากธุรกิจอื่นนอกเหนือจากธุรกิจ LPG และจะช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น" นายศุภชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสขยายการลงทุนธุรกิจคลังก๊าซ LPG แห่งใหม่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบประเทศเอเชีย เพื่อขึ้นเป็นผู้ให้บริการด้าน LPG ที่ครอบคลุมภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากมองเห็นความต้องการใช้งาน LPG ที่เพิ่มสูงขึ้นในทุก ๆ ปี ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการเติบโตของการขนส่งสินค้าและจำนวนประชากรครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาและพิจารณาความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจคลังก๊าซ LPG ในหลายประเทศ ทั้งประเทศ บังกลาเทศ อินโดนีเซีย และเมียนมาร์ เป็นต้น