กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--กรมวิชาการเกษตร เพื่อเกษตรกร
กรมวิชาการเกษตร ส่งแพ็กเกจเครื่องจักรกลแก้ปัญหาเผาใบอ้อย โชว์ศักยภาพรถตัดอ้อยสดชนิดตัดเป็นลำ เครื่องสางใบอ้อยและมีดสางใบ เครื่องสับใบอ้อยระหว่างแถวอ้อยตอ และเครื่องสับใบและกลบเศษซากอ้อย แก้ปัญหาให้ชาวไร่อ้อยได้ครบวงจร ชี้การเผาทำดินเสื่อม สูญเสียปริมาณและคุณภาพอ้อย เกิดมลพิษทางอากาศ แถมเจอหนอนกอรุมระบาดมากขึ้น
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า การเผาใบและเศษซากอ้อยยังคงเป็นปัญหาสำคัญของการผลิตอ้อยและน้ำตาลของไทยที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตอ้อยทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ ที่สำคัญยังส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม รวมทั้งการเสื่อมคุณภาพของดิน โดยการเผาใบและเศษซากอ้อยของเกษตรกรมีอยู่ด้วยกัน 3 ลักษณะ คือการเผาใบอ้อยก่อนการเก็บเกี่ยว หลังการเก็บเกี่ยว และก่อนการเตรียมดินปลูกอ้อย
สาหตุหลักของการเผาใบและเศษซากอ้อยมาจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานในการเก็บเกี่ยวและเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการตัดอ้อย ประกอบกับคนงานตัดอ้อยได้ค่าแรงตัดอ้อยมากขึ้น เนื่องจากตัดอ้อยไฟไหม้ได้มากกว่าตัดอ้อยสดที่ต้องเสียเวลาริดใบออก แต่การตัดอ้อยไฟไหม้นอกจากจะทำให้เกิดการสูญเสียน้ำหนัก ผลผลิต และคุณภาพความหวานแล้วยังทำลายอินทรียวัตถุที่ควรกลับคืนสู่ดินลดลงถึง 10% และการไม่มีเศษซากใบอ้อยคลุมดินทำให้ดินสูญเสียความชื้นได้ง่าย มีวัชพืชขึ้นเบียดบังอ้อยตอมากขึ้น ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอ้อยตอเพิ่มขึ้นประมาณ 800 บาท/ไร่ รวมทั้งยังทำให้มีหนอนกอลาย และหนอนกอสีขาวเข้าทำลายอ้อยตอมากกว่ามีใบคลุมถึง 40 %
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า การพัฒนาเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยวอ้อยสดและเครื่องมือเตรียมดินเพื่อลดการเผาใบ จึงเป็นแนวทางสำคัญในการแก้ปัญหาการเผาอ้อยจากสาเหตุต่างๆ ที่กล่าวมา รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตอ้อย ซึ่งจะทำให้เกิดความยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในอนาคต กรมวิชาการเกษตรมีงานวิจัยและพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาการเผาใบอ้อย โดยศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน ได้คิดค้นเครื่องจักรกลการเกษตร เพื่อแนะนำให้เกษตรกรนำไปใช้แก้ปัญหาดังกล่าว ได้แก่ รถตัดอ้อยสดชนิดตัดเป็นลำ ซึ่งมีส่วนประกอบหลักคือรถแทรกเตอร์ขนาด 70 แรงม้า ทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถตัดอ้อย และชุดตัดอ้อยพร้อมถาดรับลำอ้อย เมื่อตัดอ้อยได้เต็มถาดจะเทอ้อยกองแล้วใช้รถคีบอ้อยใส่รถบรรทุก ซึ่งรถตัดอ้อยนี้มีกลไกไม่ซับซ้อน และมีราคาที่เกษตรกรไทยสามารถซื้อใช้เองได้
กรณีที่ชาวไร่ที่ไม่สามารถใช้รถตัดอ้อย แนะนำให้มีการสางใบอ้อยแห้งเพื่อตัดอ้อยสดได้เร็วขึ้น ซึ่งใบอ้อยที่คลุมดินจะช่วยรักษาความชื้นให้กับดิน ทำให้อ้อยยังเจริญเติบโตถึงแม้ว่าจะหมดฤดูฝน ซึ่งเครื่องสางใบอ้อยและมีดสางใบ จะช่วยให้การสางใบอ้อยทำได้รวดเร็วและประหยัดแรงงาน โดยมีผลงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการสางใบอ้อยก่อนการเก็บเกี่ยวอ้อยสดช่วยให้คนงานตัดอ้อยสามารถตัดอ้อยสดได้เร็วขึ้นและคุ้มค่าต่อการลงทุน นอกจากนี้ หลังการเก็บเกี่ยวอ้อยสดจะมีใบอ้อยคลุมดินที่อาจเป็นเชื้อเพลิงไหม้อ้อยตอภายหลังได้ ดังนั้นหลังเก็บเกี่ยวอ้อยแล้วชาวไร่จึงเผาใบอ้อยเพื่อกำจัดเชื้อเพลิงก่อนที่อ้อยจะงอก ทำให้ดินสูญสียความชื้น อ้อยตอแคระแกร็น และมีหนอนกอเข้าทำลายมากขึ้น จึงแนะนำให้เกษตรกรใช้ เครื่องสับใบอ้อยระหว่างแถวอ้อยตอ สับใบอ้อยลงดินเพื่อป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ใบอ้อยที่คลุมดิน
"เกษตรกรจะเผาใบและเศษซากอ้อยในอ้อยตอปีสุดท้ายเพื่อความสะดวกต่อการเตรียมดิน เพราะถ้ามีใบอ้อยจะทำให้ล้อรถแทรกเตอร์ลื่น ไม่สามารถควบคุมแทรกเตอร์ได้ เป็นอุปสรรคต่อการเตรียมดิน ซึ่งการเผาใบและเศษซากอ้อยทำให้ดินเกิดปัญหาดินแน่นทึบ รากอ้อยเจริญเติบโตได้ไม่ดี ดังนั้นจึงแนะนำให้เกษตรกรใช้เครื่องสับใบและกลบเศษซากอ้อยสับกลบใบและเศษซากอ้อยคลุกเคล้าลงดิน เพื่อความสะดวกต่อการเตรียมดินปลูกอ้อยใหม่ทดแทนวิธีการเผาใบของเกษตรกร เกษตรกรที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี โทรศัพท์ 0-3552-8255" อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว