![ทีเอ็มบี ชี้แจง ธนาคารธนชาตปล่อยสินเชื่อให้กับดีลเลอร์เชฟโรเลตในระดับต่ำ ประเมินกรณีจีเอ็มประกาศยุติการขายเชฟโรเลตในไทยมีผลกระทบน้อยและบริหารจัดการได้ สถานะทางการเงินยังแข็งแกร่ง]()
กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--ธนาคาร
ทีเอ็มบี
ทีเอ็มบี หรือ
ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อ
ตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้เกี่ยวกับกรณีบริษัท
เจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือ
จีเอ็ม ประกาศยุติการจำหน่ายรถยนต์
เชฟโรเลตในประเทศไทย
นาย
ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า "
ทีเอ็มบีได้รับการสอบถามพอสมควรถึงกรณีที่
จีเอ็มจะยุติการขายรถ
เชฟโรเลตภายในสิ้นปี2563 และผลที่มีต่อ
ธนาคารธนชาต ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการแคปทีฟ ไฟแนนซ์ (Captive Finance) หรือการให้สินเชื่อแก่บริษัทในเครือและตัวแทนจำน่ายรถยนต์ หรือ ดีลเลอร์ ของ
เชฟโรเลต โดยธนาคารได้ทำการประเมินข้อมูลและพบว่า สินเชื่อที่ให้กับดีลเลอร์
เชฟโรเลตมียอดคงค้างในส่วนของสินเชื่อที่มีระยะเวลากำหนด (Term Loan) เป็นสัดส่วนเพียง 0.002% ทั้งยังเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน ส่วนสินเชื่อหมุนเวียน (Floor Plan) มีสัดส่วน 0.03% ของสินเชื่อรวมของ
ทีเอ็มบีและบริษัทย่อย จึงประเมินว่าหากมีผลกระทบก็จะน้อย อีกทั้ง
ธนาคารธนชาตเป็นผู้นำด้านสินเชื่อเช่าซื้อและมีประสบการณ์ในตลาดมานาน เชื่อมั่นว่าสามารถบริหารจัดการได้"
สำหรับรายละเอียดจากข้อมูล ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 มีดังนี้ 1) ยอดคงค้างสินเชื่อที่มีระยะเวลากำหนดที่ให้กับดีลเลอร์
เชฟโรเลตมีเพียง 23 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 0.002% ของสินเชื่อรวมทั้งหมด และเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกันครอบคลุม และ 2) สินเชื่อหมุนเวียน หรือ Inventory Financing ซึ่งเป็นสินเชื่อหมุนเวียนเพื่อการซื้อรถยนต์สำหรับจัดแสดงและจำหน่าย มียอดคงค้างประมาณ 469 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.03% ของสินเชื่อรวมทั้งหมด (งบการเงินรวม) ทั้งนี้ ยอดคงค้างของสินเชื่อหมุนเวียนปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัท
เจนเนอรัล มอเตอร์ส ได้จัดโปรโมชันก่อนยุติการจำหน่ายรถยนต์ในไทย ส่งผลให้ดีลเลอร์สามารถจำหน่ายรถที่นำมาจัดแสดงออกไปได้อย่างรวดเร็ว
ธนาคารธนชาตจึงสามารถลดยอดคงค้างของสินเชื่อในส่วนนี้ได้ และจากโปรโมชันดังกล่าว เชื่อว่าดีลเลอร์จะสามารถขายรถที่สต๊อกไว้ออกไปได้หมด
นอกจากนี้
ธนาคารธนชาตได้ดำเนินมาตรการรองรับอย่างทันท่วงที โดยได้พิจารณาปรับลดวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนสำหรับดีลเลอร์
เชฟโรเลตแต่ละรายตามความเหมาะสม และดำเนินการดูแลคุณภาพทั้งลูกค้าดีลเลอร์และลูกค้ารายย่อยอย่างใกล้ชิด และจากการที่
เชฟโรเลตยังยืนยันที่จะร่วมมือและให้การสนับสนุนดีลเลอร์หรือศูนย์บริการที่ได้รับการแต่งตั้งจาก
เชฟโรเลตทั่วประเทศไทยเพื่อให้บริการหลังการขายและดูแลลูกค้าต่อไป จึงประเมินว่าผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นค่อนข้างต่ำและอยู่ในระดับที่ธนาคารสามารถบริหารจัดการได้
ทั้งนี้
ทีเอ็มบีดำเนินการดูแลคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดและมีฐานเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นปี 2562 ที่2.35% ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 18.9% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 14.6% สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 11.0% และ 8.5% ตามลำดับ