![TKN ชูกลยุทธ์ขยายตลาดเอเชีย เสริมฐานรายได้ส่งออก หันโฟกัสตลาดสาหร่ายทอดกรอบ และผลิตภัณฑ์ใหม่นอกกลุ่มสาหร่าย ตอกย้ำผู้นำตลาดในไทย พร้อมประกาศจ่ายปันผล 0.26 บาทต่อหุ้น]()
กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
บมจ.
เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN ย้ำแชมป์สมรภูมิ
สาหร่ายปรุงรส เปิดกลยุทธ์ปี 63 มุ่งขยายตลาด
สาหร่ายทอดเต็มสูบ ควงพันธมิตร 'โอริออน กรุ๊ป' หัน
โฟกัสตลาด
สาหร่ายทอด และออกผลิตภัณฑ์ใหม่นอกกลุ่ม
สาหร่าย หลังปี 62 ผลการดำเนินงานชะลอตัวจากการเปลี่ยนตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ใน
ประเทศจีน
นาย
อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท
เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย
สาหร่ายทะเลแปรรูปทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้า "เถ้าแก่น้อย" รวมถึงขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เปิดเผยว่า แผนดำเนินงานปี 2563 บริษัทฯ มีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใน
ประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลัก หลังได้แต่งตั้ง 'โอริออน กรุ๊ป' (Orion Group) เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้ารายใหม่เพียงรายเดียวใน
ประเทศจีน ตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ที่มีขีดความสามารถการจัดจำหน่ายใน
ประเทศจีนที่ครอบคลุมพื้นที่และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากกว่ารายเดิม พร้อมกันนี้ยังมีแผนงานร่วมกัน เพื่อรุกขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆในภูมิภาค
เอเชีย
ส่วนแผนดำเนินงานในประเทศ ได้มุ่งเน้นทำตลาดสินค้า
สาหร่ายทอด ซึ่งเป็นพอร์ตรายได้หลักของบริษัทฯ เน้นการสร้างแบรนด์สินค้า พร้อมพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและรองรับตลาด
สาหร่ายปรุงรสในไทยที่มีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง จากปีก่อนที่มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 3,000 ล้านบาท หลังอัตราการบริโภค
สาหร่ายต่อหัวของไทยยังต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านใน
เอเชีย
ล่าสุด บริษัทฯ ได้วางจำหน่าย
สาหร่ายสูตร Low Sodium (โซเดียมต่ำ) ภายใต้แบรนด์ 'Good day' เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ ที่ลดปริมาณเกลือ 50% และผ่านกรรมวิธีการทอดด้วยน้ำมันรำข้าวแทนน้ำมันปาล์ม ซึ่งมีผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า จึงเชื่อมั่นว่า TKN จะรักษาความเป็นผู้นำตลาด
สาหร่ายปรุงรสด้วยส่วนแบ่งกว่า 69% ไว้ได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกับโอริออน เพื่อจัดจำหน่ายในประเทศ คือ ข้าวโพดอบกรอบรสซุปข้าวโพด "โคบุก" ซึ่งเป็นขนมที่เป็นที่นิยมในประเทศเกาหลี
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานปี 2562 มีรายได้รวม 5,297 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ที่มีรายได้รวม 5,461 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 361 ล้านบาท ชะลอตัวจากปีก่อน เนื่องจากมียอดขายที่ชะลอตัวในช่วงไตรมาส 2-3 ที่ผ่านมาแต่เริ่มมีกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากราคา
สาหร่ายใหม่ และมีการตั้งสำรองด้อยค่าสินทรัพย์จากการปิดสายการผลิต
สาหร่ายอบในสหรัฐอเมริกา โดยเปลี่ยนเป็นการจ้างผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายแทน เพื่อลดการขาดทุนจากบริษัทฯในเครือในปี 2563
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ประชุมบอร์ดบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.26 บาท จากผลการดำเนินงานปี 2562 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 359 ล้านบาท โดยได้มีการ
จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2562 จำนวน 0.11 บาท/หุ้น คงเหลือ
จ่ายปันผลจำนวน 0.15 บาท/หุ้น เพื่อนำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติ ทั้งนี้การให้สิทธิรับเงินปันผลของบริษัทฯ ยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 10 มีนาคม 2563 และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 พฤษภาคม 2563