กรุงเทพฯ--26 ก.พ.--ซีเค พาวเวอร์
บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เผยผลประกอบการปี 2562 มีรายได้รวมที่ 8,840 ล้านบาท สร้างผลกำไร 769 ล้านบาท เติบโต 28% เมื่อเทียบกับปี 2561 หลังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี มั่นใจปี 2563 เติบโตต่อเนื่อง
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower ชื่อย่อหลักทรัพย์ "CKP" เปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย ในปี 2562 ว่า CKPower มีรายได้รวม 8,840 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 28% อยู่ที่จำนวน 769 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2562 มีรายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าสถานีไฟฟ้าย่อยนาบงซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2561 และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ที่ได้เริ่มซื้อขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ โดยจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แล้วตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2562 เป็นไปตามกำหนดเวลาตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 พฤษภาคม 2563
ในปี 2562 CKPower ยังได้เปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา รวม 5 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กำลังการผลิตติดตั้ง 0.89 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บางเลน จังหวัดนครปฐม กำลังการผลิตติดตั้ง 0.97 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พุทธมณฑลสาย 5 จังหวัดนครปฐม กำลังการผลิตติดตั้ง 0.97 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร กำลังการผลิตติดตั้ง 0.72 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร กำลังการผลิตติดตั้ง 0.52 เมกะวัตต์ ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ดำเนินการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด อีกร้อยละ 5.33 คิดเป็นมูลค่าการลงทุนเพิ่มเติมรวม 681.5 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นทางอ้อมในโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 จาก 42.0 % เป็น 46.0 %
นอกจากนี้ มีการปรับโครงสร้างทางการเงินปี 2562 บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด ("NN2") ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ จำนวนรวม 6,000 ล้านบาท โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ("ทริสเรทติ้ง") จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2562 ที่อันดับ "A" และปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดอื่น ๆ ทั้งหมดของ NN2 เป็นอันดับ "A" และมีแนวโน้มอันดับเครดิต "คงที่" โดย NN2 ได้นำเงินจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินที่เหลือทั้งหมด เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน
อนึ่ง บริษัทฯ ยังได้มีการทยอยรับเงินจองซื้อหุ้นสามัญจากการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ CKP-W1 จำนวน 4,556 ล้านบาท ส่งผลให้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก โดยบริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (Net Interest-Bearing Debt to Equity Ratio) อยู่ที่ 0.62 เท่า ณ สิ้นปี 2562 แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงทางการเงิน พร้อมที่จะลงทุนในโครงการใหม่เพิ่มเติมได้อย่างต่อเนื่อง
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ในปี 2563 นี้ บริษัทฯ คาดว่าจะมีผลประกอบการเพิ่มขึ้นจากการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี เต็มกำลังผลิตตลอดทั้งปี ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจด้านผลิตพลังงานไฟฟ้าที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมต่อไป
"สิ่งหนึ่งที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง คือการมุ่งมั่นต่อการพัฒนาสู่ความยั่งยืน โดยถือเป็นพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าสะอาด ซึ่งตอบสนองต่อการบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (UNSDG : United Nations Sustainable Development Goals) ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ครอบคลุมทั้งในประเทศและ สปป.ลาว อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้โรงไฟฟ้าเติบโตควบคู่ไปกับการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไป" นายธนวัฒน์ กล่าว
ข้อมูลเกี่ยวกับ CKPower : บริษัทฯ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่าง ๆ 3 ประเภท จำนวน 13 โครงการ รวมขนาดกำลังการผลิตติดตั้งที่ 2,167 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โครงการไฟฟ้าพลังน้ำ 2 โครงการ ภายใต้ บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 46% (ถือผ่าน บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 615 เมกะวัตต์ และบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 37.5% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม จำนวน 2 โครงการ ภายใต้ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 65% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 238 เมกะวัตต์ และโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 โครงการ ภายใต้ บริษัท บางเขนชัย จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 100% จำนวน 7 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 15 เมกะวัตต์ ภายใต้ บริษัท เชียงรายโซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 8 เมกะวัตต์ และภายใต้บริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์