![มิชลิน โชว์เคสเทคโนโลยียางรถยนต์ระดับโลก ผ่านการแข่งขัน ASIAN LE MANS SERIES]()
กรุงเทพฯ--26 ก.พ.--สยาม
มิชลิน
'
มิชลิน' ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน
มอเตอร์สปอร์ตร่วมสนับสนุนการทดสอบความเร็วทางเรียบแห่ง
เอเชีย เอเชียน เลอ ม็องส์ ซีรีส์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 การแข่งขันรถยนต์ชั้นนำของโลกรายการนี้เป็นการประชันประสิทธิภาพการขับขี่ทางไกลของแต่ละทีมแบบทรหดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 4 ชั่วโมงเต็ม โดยมีการรวมเอารถแข่งประเภทซูเปอร์คาร์ระดับโลกถึง 3 คลาสมาไว้ในแทร็ก เริ่มจากรถแข่งในคลาส LMP2 ซึ่งเป็นรถสูตรล้อปิดในแบบเดียวกับรายการ เวิลด์ เอ็นดูรานซ์ แชม เปี้ยนชิพ รวมถึงรถสูตรล้อปิดในคลาส LMP3 รวมถึงรถแข่งซูเปอร์คาร์ในคลาส GT อาทิ เฟอร์รารี่ 488 จีที3, แอสตัน มาร์ติน แวนเทจ จีที3, บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม6 จีที3 และ ลัมบอร์กินี ฮูราคาน จีที3 อีโว
มิชลินเป็นผู้สนับสนุนยางอย่างเป็นทางของการแข่งขัน
เอเชียน เลอ ม็องส์ ซีรีส์ รายการแข่งขันรถยนต์มาราธอนทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้นับตั้งแต่ปี 2556เป็นต้นมา ซึ่งทีมที่ชนะทั้งสามประเภท (LMP2, LMP3 และ GT) จะได้เข้าร่วมการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ที่เมืองเลอ ม็องส์ ประเทศฝรั่งเศษในเดือนมิถุนายนปีนี้อีกด้วย
มร.เบน หม่า (Ben Ma) ผู้อำนวยการฝ่าย
มอเตอร์สปอร์ต ประจำภาคพื้น
เอเชียแปซิฟิคของ
มิชลิน กล่าวว่า "
มอเตอร์สปอร์ตเป็นหนึ่งใน DNA ของ
มิชลินซึ่งเป็นแรงผลักดันบริษัทฯอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาและคิดค้นเทคโนโลยีที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ต่างๆของผู้บริโภค ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านการแข่งขันในประเภทEndurance Race หรือการแข่งขันรถยนต์ทางไกลซึ่งต้องอาศัยความทนทานของรถยนต์ และความอดทนของนักแข่งและทีมงาน อันรวมไปถึง
ยางรถยนต์นั้น การแข่งขัน
เอเชียน เลอ ม็องส์ ซีรีส์จึงถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญมากสำหรับ
มิชลินในการแสดงประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ โดยเฉพาะการสร้างสรรค์ยางที่มีความทนทานไว้ใจได้ตลอดอายุการใช้งาน"
"การแข่งขัน
เอเชียน เลอ ม็องส์ ซีรีส์ในฤดูกาลนี้เป็นครั้งแรกที่
มิชลินนำยาง semi-confidential เข้ามาใช้สำหรับการแข่งขันในซีรีส์นี้สำหรับรุ่น LMP2 PRO ซึ่งถือได้ว่าเป็นความท้าทายอย่างมากเนื่องจากยางตัวใหม่นี้จะมีส่วนผสมที่แตกต่างกันและถูกผลิตให้เหมาะสมกับสภาพและคุณสมบัติของแต่ละสนาม ทุกขั้นตอนจึงต้องผ่านการทำงานโดยทีมงาน
มอเตอร์สปอร์ตมืออาชีพที่เชื่อถือได้ของ
มิชลิน มีการทดสอบในระบบจำลองที่ให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจก่อนที่จะนำมาใช้ในสนามแข่งจริง ซึ่งจากการแข่งขันในสนามที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นที่เซี่ยงไฮ้, ไทเลมเบนด์, เซปัง รวมถึงที่บุรีรัมย์เอง ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันต่างให้การตอบรับยางสูตรใหม่นี้ของ
มิชลินเป็นอย่างดี"
สำหรับการแข่งขันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ชนะสนามนี้คือรถแข่งหมายเลข 45 จากทีมธันเดอร์เฮด คาร์ลิน เรซซิ่ง ในคลาสสูงสุด (LMP2) เข้ารับธงหมากรุกเป็นคันแรกหลังเวลาผ่านไป 4 ชั่วโมง โดยขับไปทั้งสิ้น 157 รอบสนาม คิดเป็นระยะทาง 714.978 กิโลเมตร เหนืออันดับ 2อย่างรถแข่งหมายเลข 26 จากทีมจี-ไดรฟ์ เรซซิ่ง บาย อัลการ์ฟ อยู่ 17.721 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของทีมเคทู อูชิโนะ เรซซิ่ง ตามหลังแชมป์ถึง 2 รอบสนามด้วยกัน ส่วนในคลาส LMP3 ผู้ชนะตกเป็นของรถแข่งหมายเลข 12 จากทีมเอซวัน วิลลอร์บา คอร์เซ และชัยชนะของคลาส GT ในสนามนี้ตกเป็นของรถแข่งหมายเลข 27 จากทีมฮับออโต คอร์ซ่า
ถึงแม้ว่าทีมจี-ไดรฟ์ เรซซิ่ง บาย อัลการ์ฟ จะเข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่ 2 ในสนามสุดท้ายนี้ แต่ก็ยังมีผลงานโดยรวมที่ดีพอที่ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์
เอเชียน เลอม็อง ซีรีส์2019/2020 หลังสิ้นฤดูกาล โดยคว้าไปทั้งสิ้น 83 คะแนน เฉือนเอาชนะทีมธันเดอร์เฮด คาร์ลิน เรซซิ่ง รองแชมป์ในปีนี้เพียงแต้มเดียวเท่านั้น
มิชลิน ในฐานะผู้นำด้าน
ยางรถยนต์ระดับโลก ได้ผ่านบทพิสูจน์อันท้าทายจากการแข่งขัน
มอเตอร์สปอร์ตในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในการพัฒนายางจากเทคโนโลยีขั้นสูงให้มีคุณภาพและสมรรถนะที่โดดเด่น ซึ่งจากผลของความสำเร็จในสนามแข่ง
มิชลินจะนำข้อมูลที่ได้รับจากการแข่งขันไปศึกษาเพิ่มเติมเพื่อใช้สำหรับการค้นคว้าและพัฒนา
ยางรถยนต์ให้ดียิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไป ดังนั้นผู้ใช้ยาง
มิชลินจึงมั่นใจได้ว่ายาง
มิชลินทุกรุ่นที่ได้นำออกมาจำหน่าย จะเป็นยางที่มีสมรรถนะและคุณภาพสูงสุดสำหรับทุกประเภทการใช้งาน
![]()
![]()