PPS ปรับกลยุทธ์ จับมือพันธมิตรเพิ่มขีดความสามารถ พัฒนาธุรกิจให้หลากหลาย พร้อมขยายขอบเขตการรับงานธุรกิจเดิม

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 27, 2020 09:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--เวิร์คลิ้งค์ ดาเอเจนซี่ PPS ปรับกลยุทธ์ จับมือพันธมิตรเพิ่มขีดความสามารถ พัฒนาธุรกิจให้หลากหลาย พร้อมขยายขอบเขตการรับงานธุรกิจเดิม ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง ตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรสุทธิที่ 10% ขณะที่ผลประกอบการปี 62 รายได้รวม466.75 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7.44 ล้านบาท ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในปีนี้PPS เดินหน้าปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการในแข่งขันทางธุรกิจ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร และการปรับแผนธุรกิจของบริษัทย่อย ขยายขอบเขตการรับงาน ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และการแข่งขันในอุตสาหกรรมก่อสร้างค่อนข้างรุนแรง ล่าสุด จัดตั้งบริษัท โปรเจคท์ ทู พร็อพเพอตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (P2) ร่วมกับ Mr.Peter Hamilton พันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการแหลมยามูเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอโอนที่ดิน เพื่อเข้าลงทุนในเฟสแรกเป็นโครงการที่พักอาศัยจำนวน 8 ยูนิต คาดว่าจะทยอยลงทุนระยะเวลา 3-4 ปี คาดว่าจะมีรายได้เฉลี่ยปีละ 100-200 ล้านบาท ขณะที่ บริษัท พีพีเอส อินโนเวชั่น จำกัด หรือ PPSI บริษัทย่อย ได้ขยายขอบเขตการรับงาน โดยเพิ่มงานบริการด้านซอฟแวร์ที่ใช้ในงานบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานผ่านนวัตกรรมให้แก่กลุ่มบริษัท อีกทั้งรองรับขอบเขตการดำเนินธุรกิจในด้าน IT และสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมในธุรกิจกลุ่มนี้ด้วย ด้าน PPS และ PPS Oneworks เตรียมความพร้อมเพื่อยื่นเสนองานภาครัฐที่จะออกมาตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีโครงการที่ทยอยลงทุนหลายงาน และบริษัทหวังจะได้รับส่วนแบ่งจากงานกลุ่มนี้เพิ่มเติม จากแผนการดำเนินงานในปีนี้ รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายและต้นทุนการดำเนินงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม บริษัทเชื่อว่าจะส่งผลให้มีรายได้ และมีอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้น และสามารถกำหนดรายได้ของตัวเองได้แน่นอนขึ้น โดยตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ไว้ไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิ 10% สำหรับผลประกอบการปี 62 บริษัทมีรายได้รวม 466.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 387.09 ล้านบาท จำนวน79.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.58% และมีกำไรสุทธิ 7.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.42 ล้านบาท จำนวน 0.02 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.27% ทั้งนี้กำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรายได้จากการบริการที่สูงขึ้น เนื่องจาก บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนจากการบริการเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนพนักงานและค่าตอบแทนพนักงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และการบันทึกผลประโยชน์พนักงานตามอัตราคิดลดใหม่ ขณะเดียวกันบริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากจำนวนพนักงานและค่าตอบแทนพนักงานเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเข้าศึกษาข้อมูลโครงการของบริษัทย่อยแห่งหนึ่ง และค่าใช้จ่ายในการพัฒนาภาพลักษณ์องค์กรและการจัดงานประชาสัมพันธ์องค์กร นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาเสนอให้งดจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้น เนื่องจากบริษัทมีผลกำไรไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ และวางแผนจะนำมาใช้รองรับการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ