กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย
PLANET โชว์รายได้รวมปี 62 เท่ากับ 849.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังขายสินค้าโครงการใหญ่มูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาท แจงเหตุทำผลงานทั้งปีพลิกขาดทุนจากการตั้งสำรองทางบัญชี บิ๊กบอส "ประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์" ปักธงปี 63 เน้นสร้างธุรกิจเกิดใหม่ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% และกำไรสูงขึ้น
นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์
ประธานกรรมการบริหาร และ กรรมการผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท
แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET
เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2562 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการจำนวน 835.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น11.40%
จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มียอดขายสินค้าและบริการที่ 749.66
ล้านบาท โดยรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้น 85.30 ล้านบาท
และรายได้จากการบริการเพิ่มขึ้น 0.19 ล้านบาท
รายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นในปี 2562
มาจากการที่บริษัทมีการขายสินค้าโครงการใหญ่ที่มีมูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาท
“บริษัทมีรายได้อื่นจำนวน 14.06 ล้านบาท ลดลง 0.57 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้อื่นจำนวน 14.63 ล้านบาท รายได้อื่นมาจากกำไรจากการขายสินทรัพย์ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายได้ดอกเบี้ย ส่งผลในปี2562 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 849.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.92 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวมเท่ากับ 764.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.11%”
อย่างไรก็ตาม ในปี 2562
บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิเท่ากับ 1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.12% ของรายได้รวม เมื่อเทียบกับปี2561
ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 5.88 ล้านบาท หรือ 0.77% ของรายได้รวม บริษัทมีผลขาดทุนมากขึ้น 6.88 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้น 116.93% แต่เมื่อพิจารณาถึงผลประกอบการที่แท้จริงแล้ว
ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานที่แท้จริง เพราะ ในปี 2562 บริษัทฯ
มีการตั้งสำรองทางบัญชีสำหรับผลประโยชน์พนักงานตามกฎหมายแรงงานฉบับใหม่ จำนวน 3 ล้านบาท และสำรองหนี้สูญ จำนวน 2 ล้านบาท
“ต้นทุนขายในปี 2562 เท่ากับ 679.80 ล้านบาท หรือคิดเป็น 81.40% ของรายได้จากการขายสินค้าและบริการเทียบกับปี 2561 ซึ่งมีต้นทุนขายเท่ากับ 586.46ล้านบาท หรือ 78.23% ของรายได้จากการขายสินค้าและบริการ ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 4.05% สาเหตุมาจากต้นทุนสินค้าของโครงการใหญ่สูงกว่าสินค้าที่ขายโดยทั่วไป และโครงการอื่น ๆ ที่ขายในปี 2562 โดยเฉลี่ยแล้วมีต้นทุนที่สูงกว่าปี 2561” นายประพัฒน์ กล่าว
นายประพัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับในปี 2563 บริษัทฯ มีเป้าหมายจะผลักดันผลประกอบการปี 2563 ให้มีรายได้เติบโต
10% และกำไรขั้นต้นสูงขึ้น โดยเพิ่มรายได้จากกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี่เกิดใหม่
(Emerging Technology Business) ประกอบด้วย Cloud
Meeting Platform สำหรับการทำงานที่บ้าน (Work at Home) เพื่อรับมือวิกฤติไวรัส COVID-19,
IoT Platform สำหรับพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City),
TeleHealth Platform สำหรับกิจกรรมด้านสาธารณสุข และ Cyber Security
Platform เพื่อรองรับกฎหมายด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่จะบังคับใช้ในกลางปี
2563 นี้
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงจำหน่ายอุปกรณ์และระบบสื่อสารโทรคมนาคมและระบบถ่ายทอดสัญญาณดิจิทัลทีวีให้กับฐานลูกค้าเดิม
ซึ่งเป็นกลุ่มสร้างรายได้หลัก อีกทั้งเพิ่มรายได้จากกลุ่มลูกค้าใหม่
ทำให้มีการสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog)
แล้วประมาณ 300 ล้านบาท