กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
ขณะนี้เกิดสถานการณ์ไฟป่าในหลายพื้นที่ของประเทศ สร้างความเสียหายต่อพื้นที่ป่าไม้และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บก.ปภ.ช.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมสรรพกำลังป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันอย่างใกล้ชิด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นแกนกลางวางแผนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างรอบด้าน
เตรียมพร้อมรับมือไฟป่าและแก้ไขปัญหาหมอกควัน โดยมีคณะทำงานติดตามสถานการณ์ภัย ทำหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงไฟป่าและพื้นที่การเกษตรที่มีการเผา พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มการเกิดไฟป่าและหมอกควัน รวมถึงเตรียมแผนเผชิญเหตุให้สอดคล้องกับสภาพความเสี่ยงภัยและบริบททางสังคม โดยระบุช่วงเวลา พื้นที่ ภารกิจ และหน่วยงานรับผิดชอบอย่างชัดเจน
นำระบบบัญชาการเหตุการณ์เป็นกลไกจัดการไฟป่า จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดและอำเภอ เพื่อให้การอำนวยการ สั่งการ ระดมสรรพกำลังและทรัพยากรในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันมีเอกภาพ พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครในการลาดตระเวน เฝ้าระวังไฟป่า และจัดทำแนวกันไฟ รวมถึงเตรียมแผนบูรณาการเครื่องจักรกลในพื้นที่ใกล้เคียงให้สามารถสนับสนุนปฏิบัติการดับไฟป่าได้อย่างทันท่วงที
บังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบเผา โดยจับกุมดำเนินคดีอย่างเคร่งครัดกับผู้ลักลอบเผาในพื้นที่ป่า พื้นที่การเกษตร พื้นที่ชุมชน และพื้นที่ริมทาง
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้บูรณาการป้องกันไฟป่าและแก้ไขปัญหาไฟป่าอย่างต่อเนื่อง โดยนำเครื่องจักรกล ยานพาหนะ รถยนต์กู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว รถดับไฟป่า รถบรรทุกน้ำช่วยดับเพลิง 10,000 ลิตร รถดับเพลิงโฟมเคมี รถไฟฟ้าส่องสว่าง รถสูบส่งน้ำระยะไกล สนับสนุนปฏิบัติการดับไฟในพื้นที่ประสบปัญหาไฟป่า รวมถึงร่วมกับกองทัพบก (ทบ.) นำเฮลิคอปเตอร์ ปภ.KA-32 ขึ้นบินทิ้งน้ำดับไฟในพื้นที่อย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงอัคคีภัยหรือไฟป่า ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558 อย่างเคร่งครัด รวมถึงระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนเข้าดำเนินการควบคุมสถานการณ์ให้ยุติลงโดยเร็ว หากประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่าเกินขีดความสามารถของจังหวัด ให้รีบประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อขอรับการสนับสนุนเครื่องจักรกลพิเศษหรือสรรพกำลังในการเข้าระงับเหตุ เพื่อควบคุมวิกฤติปัญหาไฟป่าให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด