กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--ไออาร์ พลัส
จากสถานการณ์เฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิท – 19 ในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นวงกว้าง ทางบริษัทฯ ตระหนักถึงความลำบากของผู้ประกอบการ ร้านค้า ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ดำเนินการเจรจาพูดคุยกับผู้ประกอบการร้านค้าตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีต่อกัน พร้อมเร่งนำเสนอแนวทางการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและดีที่สุดอย่างรอบคอบ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ทั้งนี้ จากการเจรจา พูดคุยทำความเข้าใจกันกับผู้ประกอบการร้านค้า โดยได้ข้อสรุปมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิท – 19 ดังต่อไปนี้
สำหรับผู้เช่าที่จ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือน ระยะเวลา 1 ปี ได้มีการลดค่าเช่าค่าบริการประมาณ 10% – 35% ตามสัดส่วนพื้นที่และประเภทการเช่า เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 1 มี.ค. – 31 พ.ค. 63 ซึ่งผู้เช่าก็พึงพอใจและได้ร่วมกันส่งดอกไม้มาให้กำลังใจขอบคุณ ผู้แทนของศูนย์การค้า ที่ให้การช่วยเหลือดังกล่าวสำหรับผู้เช่าระยะยาว ระยะเวลาเซ้ง 10 ปี ซึ่งปัจจุบันทางบริษัท ไม่ได้มีรายได้ค่าเช่าค่าบริการรายเดือน จากผู้เช่าในกลุ่มนี้แล้ว แต่บริษัทฯก็เห็นใจและเข้าใจในความเดือดร้อน จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงอยู่ในระหว่างพิจารณาแนวทางช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป
นอกจากนี้ บริษัท ยังมีมาตรการช่วยเหลือด้านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเร่งด่วน ภายใต้แคมเปญ “ช้อปฉุกเฉิน เกินห้ามใจ” ตั้งแต่ 4 – 18 มี.ค. ศกนี้ พบส่วนลดสูงสุดถึง 80% จากร้านค้า, สินค้าราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 100 บาท, ซื้อ 1 แถม 1,สะสมยอดช้อปครบ 1,000 บาทขึ้นไปจอดรถฟรี 2 ชั่วโมง, ไฮไลท์ช้อปสะสมครบ 3,000 บาทขึ้นไปรับบัตรกำนัล 300 บาท
สำหรับแผนงานมาตรการช่วยเหลือระยะยาว ด้านงานกิจกรรมส่งเสริมการขาย บริษัทจะมีการจัดงานอย่างต่อเนื่องทั้งปี ทั้งงาน Sale ใหญ่กลางปี และปลายปี พร้อมเปิดพื้นที่สื่อโฆษณาของร้านค้าภายในศูนย์การค้าตลอดจนสื่อภายนอกอื่นๆ ให้เป็นพิเศษ และจัดทำโครงการส่งเสริมร้านค้าผู้ประกอบการ SME ภายในศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่อง ในระยะยาวอีกด้วย
จากการประเมินจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการในศูนย์การค้า พบว่าจำนวนลูกค้าลดลงจากปัจจัยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ โดยกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของศูนย์การค้า เป็นคนไทย 60% ต่างชาติ 40% ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนกลุ่มต่างชาตินั้นมีความหลากหลาย ส่วนใหญ่จะเป็นชาวอินโดนีเซีย มาเลเซีย อินเดีย และนักท่องเที่ยวในกลุ่ม CLMV ที่ยังคงเข้ามาต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน บริษัท ยังเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และมีมาตรการป้องกันอย่างรัดกุม โดยเฉพาะเรื่องสุขอนามัย ความปลอดภัยของพนักงาน ร้านค้า ลูกค้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
สุดท้าย บริษัท ก็มีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมแผนรับมือให้ทันต่อเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา และพร้อมรับฟังข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์จากร้านค้าเสมอ และยืนยันว่าจะจับมือกับร้านค้าผู้เช่าด้วยความจริงใจ เพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์ดังกล่าวร่วมกันไปได้ด้วยดี