กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--เซ็นทรัลพัฒนา
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ประกาศผลประกอบการประจำปี 2562 เติบโตต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 38,403 ล้านบาท โต 9% จากปีก่อน และกำไรสุทธิ 11,738 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน และเตรียมจ่ายเงินปันผล 1.30 บาทต่อหุ้น พร้อมเดินหน้าดำเนินธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ ภายใต้วิสัยทัศน์ในการสร้าง 'Center of Life’ ได้รับรางวัลเชิดชูความเป็นเลิศรอบด้าน
นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยงของ CPN กล่าวว่า “ในปี 2562 แม้ว่าการขยายตัวเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวแต่ผลประกอบการของ CPN ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 38,403 ล้านบาท โต 9% และกำไรสุทธิ 11,738 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นรายได้จากการเติบโตของธุรกิจศูนย์การค้าเป็นหลัก ประกอบกับบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับอัตราการเช่าพื้นที่ศูนย์การค้า ณ สิ้นปี 2562 อยู่ที่ 93% โดย CPN เดินหน้าตามแผนธุรกิจที่วางไว้เพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่องโดยให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างรายได้จากทั้งศูนย์การค้าใหม่ การปรับปรุงศูนย์การค้าที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว และการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นตามแผนการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (mixed-use) พร้อมจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 1.30 บาท
CPN แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยใน ปี 2562 CPN เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกและรายเดียวในประเทศไทยได้รับคัดเลือกให้อยู่ในดัชนียั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) ประจำปี 2019 ในกลุ่ม DJSI World ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และอยู่ในกลุ่ม Emerging Markets ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และเป็นหนึ่งในหุ้นยั่งยืนประจำปี 2562 หรือ Thailand Sustainability Investment 2019 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 อีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ CPN ได้รับรางวัลความเป็นเลิศรอบด้าน อาทิ Thailand Corporate Excellence Awards 2019 ด้านการตลาด การเงิน และความยั่งยืนทางธุรกิจ รางวัล Thailand’s Top Corporate Brand 2019 ในฐานะองค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์สูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย และรางวัล The Best of DRIVE Awards 2019 ในภาคธุรกิจ Property & Construction ในฐานะองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย เป็นต้น รางวัลดังกล่าวสร้างความภาคภูมิใจให้กับองค์กร และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของผู้บริหาร และทีมงาน CPN ทุกคนที่ร่วมกันสร้างความสำเร็จ และสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเหตุการณ์สำคัญในปี 2562 บริษัทฯ ได้เปิดให้บริการเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ ศูนย์การค้าในต่างประเทศแห่งแรกของซีพีเอ็น ในเดือนมีนาคม และการเปิดตัวโซนลักชูรี่ของเซ็นทรัล ภูเก็ต ที่รวบรวมแบรนด์หรูชั้นนำระดับโลกไว้ รวมทั้งเปิดให้บริการแอทแทรคชั่นระดับโลก 'ไตรภูมิ มหัศจรรย์สามโลก’ ธีมพาร์ครูปแบบ 3 มิติอินเตอร์แอ็กทีฟแห่งแรกของโลก และ “AQUARIA Phuket” พิพิธภัณฑ์ สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งภายในยังมี Andasi ร้านอาหารใต้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกและบาร์ใต้น้ำแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเปิดให้บริการเซ็นทรัล วิลเลจ โครงการรีเทลรูปแบบลักชูรี่เอาท์เล็ตระดับโลกแห่งแรกของประเทศไทย บนทำเลที่ดีที่สุดใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ รองรับทั้งลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมทั้งมีการจับมือพันธมิตรระดับโลกอย่าง บริษัท Mitsubishi Estate Asia Pte. Ltd. (MEA) เข้าร่วมทุนโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ผ่านการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท ซีพีเอ็น วิลเลจ จำกัด ในสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 30% และ CPN 70% เพื่อร่วมกันพัฒนาเซ็นทรัล วิลเลจ ให้ขึ้นแท่นเอาท์เล็ตเบอร์หนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปัจจุบัน CPN บริหารจัดการศูนย์การค้า 34 แห่ง มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 1.8 ล้านตารางเมตร (อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 โครงการ, ต่างจังหวัด 18 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ) ศูนย์อาหาร 30 แห่ง อาคารสำนักงาน 7 อาคาร โรงแรม 2 แห่ง โครงการที่พักอาศัยอีก 10 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT VILLE และ ESCENT PARK VILLE ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่ดินซึ่งติดศูนย์การค้าของ CPN ได้แก่ โครงการ ESCENT เชียงใหม่ ระยอง ขอนแก่น นครราชสีมา และอุบลราชธานี ESCENT VILLE เชียงใหม่ เชียงราย และ ESCENT PARK VILLE เชียงใหม่ รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ได้แก่ “ฟิล พหล 34” (PHYLL PAHOL 34) และมีโครงการบ้านเดี่ยวแห่งแรกของ CPN คือ “นิยาม บรมราชชนนี” ในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ CPN เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLAND ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนทำเลศักยภาพสูงในกรุงเทพฯอีกด้วย
สำหรับโครงการมิกซ์ยูสที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา ที่จะเชิดชูความเรืองรองและย้อนรอยความเจริญรุ่งเรืองของเมืองอยุธยา ผลักดันอยุธยาให้เป็น Top destination เมืองท่องเที่ยวของโลก (กำหนดเปิดปี 2564) เซ็นทรัลพลาซา ศรีราชา ในคอนเซ็ปต์ 'Living Green in Smart City of EEC Center’ ให้คนศรีราชาได้หลบหลีกจากความวุ่นวายมาผ่อนคลายในบรรยากาศธรรมชาติ และจะเสริมให้ศรีราชาเป็น MICE Hub ของ EEC Center ในอนาคต(กำหนดเปิดปี 2564) เซ็นทรัลพลาซา จันทบุรี ศูนย์การค้า format ใหม่ภายใต้แนวคิด 'The Shining Gem of EEC plus 2’ ที่จะเป็น The Best Modern Living Area ที่แรกที่ดีที่สุดในจันทบุรี (กำหนดเปิดปี 2565) และโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่ร่วมพัฒนากับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) บนทำเลทอง “Super Core CBD” ในกรุงเทพฯ โดยจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2565 เป็นต้นไป นอกจากนี้ CPN อยู่ระหว่างเตรียมแผนการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสภายใต้ GLAND ในกรุงเทพฯ โดยคาดว่าจะสรุปได้ในปี 2563
CPN ตั้งเป้าหมายทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2563-2567) ที่จะมีรายได้เติบโตในอัตราเฉลี่ย (CAGR) ประมาณ 12% ต่อปี โดยบริษัทฯ ได้กำหนดแนวทางการขยายธุรกิจในรูปแบบการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) การพัฒนาศูนย์การค้าใหม่ การปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่เพื่อเพิ่มมูลค่า การพัฒนาโครงการที่พักอาศัย รวมทั้งศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจใหม่ในรูปแบบอื่น การเข้าซื้อกิจการ และการลงทุนในต่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย และเวียดนาม เพื่อเดินหน้าสู่การเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกและเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน