กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 โดยมีวงเงินงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงินรวม 109,113 ล้านบาท จำแนกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบุคลากรภาครัฐ 25,536 ล้านบาท 2) กลุ่มงบประมาณรายจ่ายของกระทรวง/หน่วยงาน (Function) 32,667 ล้านบาท 3) กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ (Agenda) 14 แผนงาน กษ. เกี่ยวข้อง รวม 8 แผนงาน วงเงินรวม 42,996 ล้านบาท โดยงบประมาณส่วนใหญ่อยู่ที่แผนงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ วงเงิน 41,033 ล้านบาท และ 4) กลุ่มงบประมาณรายจ่ายพื้นที่ (Area) วงเงิน 7,914 ล้านบาท
สำหรับแผนงานบูรณาการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็น 1 ใน 14 แผนงานบูรณาการ มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย สศก. เป็นเจ้าภาพ มีหน่วยงานที่รับผิดชอบการบูรณาการร่วมกัน 6 กระทรวง 24 หน่วยงาน งบประมาณรวมทั้งสิ้น 3,018 ล้านบาท ประกอบด้วย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1,631 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย 1,034 ล้านบาท กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 171 ล้านบาท กระทรวงพาณิชย์ 107 ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรม 42 ล้านบาท กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 33 ล้านบาท โดยมีหลักการในการดำเนินการ คือ ดูแลและยกระดับประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้มีความเข้มแข็ง เพื่อลดปัญหาความยากจนของประชาชน คาดว่าประชาชนที่มีรายได้ ต่ำกว่าเส้นความยากจนจะลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 10
ด้านนางสาวทัศนีย์ เมืองแก้ว รองเลขาธิการ สศก. กล่าวเสริมว่า แผนงานบูรณาการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ได้กำหนดแนวทางในการดำเนินงานให้ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน ประกอบด้วย
พัฒนาศักยภาพประชาชนกลุ่มเป้าหมาย (ต้นทาง) โดย ดำเนินงานให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายเข้าถึงแหล่งทุน และที่ดินทำกินไม่น้อยกว่า 200,000 ราย จัดที่ดินให้แก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินทั้ง 72 จังหวัด ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากด้วยกองทุนชุมชน เพื่อให้สมาชิกกู้ในอัตราดอกเบี้ยไม่เกินกฎหมายกำหนด เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ ลด ปลด หมดหนี้พร้อมทั้งดำเนินการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพไม่น้อยกว่า 500,000 ราย พัฒนาองค์ความรู้ผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร พัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง ส่งเสริมและสร้างทักษะอาชีพทั้งในและนอกภาคเกษตร เป็นต้น พัฒนาความเข้มแข็งของกลุ่มและผลิตภัณฑ์ชุมชน (กลางทาง) ประกอบด้วย พัฒนากลุ่มเกษตรกร 1,900 กลุ่ม พัฒนาผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 24,800 ราย ในการผลิตสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ OTOP และ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่น้อยกว่า 5,900 ผลิตภัณฑ์ โดยส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตรในระดับชุมชน และภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสร้างสรรค์พัฒนาระบบบริหารจัดการและกลไกการตลาด (ปลายทาง) เพื่อเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายสินค้าชุมชนร้อยละ 10 โดยส่งเสริมการพัฒนาระบบตลาดภายในสำหรับสินค้าเกษตร พัฒนาศักยภาพการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และธุรกิจชุมชน สร้างศักยภาพผู้ประกอบการค้าส่ง ค้าปลีก การค้าธุรกิจชุมชน ตลาดออนไลน์ พัฒนาระบบประกันภัย และติดตามประเมินผลภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก
ทั้งนี้ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เน้นขับเคลื่อนภารกิจโครงการ/แผนงานให้สำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลสัมฤทธิ์ ส่งผลให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดี รายได้สุทธิทางการเกษตรเพิ่มขึ้น สถาบันเกษตรกรมีความเข้มแข็งมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจ สินค้าเกษตรได้รับการยกระดับคุณภาพมาตรฐาน และสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งทรัพยากรการเกษตรมีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม ได้รับการอนุรักษ์ปรับปรุงและฟื้นฟูให้เกิดความสมดุลอย่างยั่งยืน