กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายคณนาถ หมื่นหนู โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าจากกรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว จากการที่ถูกยกเลิกการจอง ผู้ประกอบการต่างต้องแบกรับภาระอย่างหนัก เพราะไม่มีรายรับเข้ามาแต่มีรายจ่ายสม่ำเสมอ ทั้งค่าจ้างพนักงาน และหนี้สินเงินกู้ประกอบธุรกิจ อาจจะนำไปสู่ความจำเป็นที่ผู้ประกอบการจะต้องให้พนักงานหยุดพักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง เลิกจ้าง และเลิกกิจการในที่สุด หากสถานการณ์เลวร้ายยาวนาน ทั้งนี้ เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบมาตรการการเงินและการคลังเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจปี ๒๕๖๓ ที่กระทรวงการคลังเสนอ ประกอบด้วย
มาตรการด้านการเงิน
1) มาตรการสินเชื่อ
1.1) โครงการสินเชื่อ SME ประชารัฐสร้างไทย ของธนาคารออมสิน วงเงินคงเหลือ 40,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี ใน 2 ปีแรก ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี โดยกำหนดการจ่ายค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อแทนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises: SMEs) เป็นระยะเวลา 4 ปี
1.2) โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy Loan) ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) วงเงินคงเหลือ 15,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 3 ต่อปี ในช่วง 3 ปีแรก วงเงินต่อรายไม่เกิน 5 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี (ระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 1 ปี)
1.3) โครงการสินเชื่อ กรุงไทย SME ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธ.กรุงไทย) วงเงินคงเหลือ 55,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 4 ต่อปี วงเงินต่อรายสูงสุด 3 เท่าของหลักประกัน ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี โดยกำหนดการจ่ายค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อแทน SMEs เป็นระยะเวลา 4 ปี
1.4) โครงการ Transformation Loan เสริมแกร่ง (Soft Loan เพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ระยะที่ 2) ของธนาคารออมสิน วงเงินคงเหลือ 15,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินคิดดอกเบี้ยกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เข้าร่วมโครงการอัตราร้อยละ 0.1 ต่อปี และธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เข้าร่วมโครงการคิดดอกเบี้ยกับ SMEs ในอัตราร้อยละ 4 ต่อปี วงเงินต่อรายสูงสุด 50 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี (ระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 1 ปี)
2) มาตรการขยายเวลาชำระหนี้และค่าธรรมเนียม
2.1) ธนาคารออมสิน มีมาตรการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้ 2 เท่าของระยะเวลาคงเหลือตามสัญญา สูงสุดไม่เกิน 5 ปี สำหรับลูกหนี้ที่เป็นผู้ประกอบการท่องเที่ยว
2.2) ธพว. มีมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นสำหรับเงินกู้ยืมระยะยาวที่มีวงเงินคงเหลือไม่เกิน 5 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยต้องมีประวัติการผ่อนชำระหนี้ดีไม่น้อยกว่า 6 เดือน ก่อนวันเข้าร่วมโครงการและต้องไม่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-performing Loan : NPL) สำหรับ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – ๑๙
2.3) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีมาตรการผ่อนการชำระหนี้ได้ครั้งละไม่เกิน 12 เดือน ต่อเนื่องไม่เกิน 5 ครั้ง หรือสามารถขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้และขยายระยะเวลาการชำระหนี้ได้ไม่เกิน 20 ปี สำหรับเกษตรกร ผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร หรือกองทุนหมู่บ้านที่ประสบปัญหาในการประกอบธุรกิจมีสภาพคล่องไม่เพียงพอ หรือมีผลประกอบการขาดทุน
2.4) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีมาตรการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และงวดผ่อนชำระได้ไม่เกิน 6 เดือน โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี สำหรับลูกค้าผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – ๑๙ เช่น ไกด์นำเที่ยว พนักงานโรงแรม ผู้ประกอบการรายย่อยที่ขายสินค้าในแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น
2.5) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) มีมาตรการพักการชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อ 12 เดือน สำหรับลูกค้า SMEs เดิมของ บสย. สำหรับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ธุรกิจบริการท่องเที่ยว ร้านอาหาร และโรงแรมที่พักมาตรการด้านภาษี
1) การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามประมวลรัษฎากร ภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด. 91 (การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีฯ)
วัตถุประสงค์ : เพื่อช่วยเหลือผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือยื่นแบบแสดงรายการภาษี เงินได้บุคคลธรรมดาที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวประกอบกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – ๑๙ ที่อาจส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจของไทย
กลุ่มเป้าหมาย : ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา
ระยะเวลาดำเนินงาน : ขยายระยะเวลา 3 เดือน (ภายในเดือนมิถุนายน 2563)
2) มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ
วัตถุประสงค์ : เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภายในประเทศ
กลุ่มเป้าหมาย : บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
ระยะเวลาดำเนินงาน : สำหรับรายจ่ายที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563
3) มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงกิจการโรงแรม
วัตถุประสงค์ : ช่วยส่งเสริมและกระตุ้นให้การลงทุนภาคเอกชนในกิจการโรงแรมเพิ่มขึ้นในปี 2563
กลุ่มเป้าหมาย : บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
ระยะเวลาดำเนินงาน : สำหรับรายจ่ายที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563
4) มาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น (น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินฯ)
วัตถุประสงค์ : เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสนับสนุนให้มีการท่องเที่ยวเมืองรองมากขึ้นซึ่งเป็นการกระจายรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น ทั้งนี้ มาตรการลดอัตราภาษีนี้เป็นมาตรการชั่วคราว
กลุ่มเป้าหมาย : อุตสาหกรรมการบินในประเทศไทย
ระยะเวลาดำเนินงาน : ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 (ประมาณ 8 เดือน)กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงขอให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวยึดแนวทางบรรเทาผลกระทบจากมาตรการเงินและการคลังเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจปี ๒๕๖๓ ตามมติคณะรัฐมนตรี