กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยผู้สนใจภาคตะวันออกตบเท้าร่วมสัมมนา “ก้าวต่อไปของไทย หลังปิดดีลอาร์เซ็ป” ที่จังหวัดชลบุรี กว่า 200 คน มั่นใจ ผู้ประกอบการและเกษตรกรนำความรู้ต่อยอด ใช้ประโยชน์จากความตกลงอาร์เซ็ป และปรับตัวรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดสัมมนา “ก้าวต่อไปของไทย หลังปิดดีลอาร์เซ็ป” ณ โรงแรมบางแสน เฮอริเทจ จังหวัดชลบุรี ว่า การจัดงานสัมมนาครั้งนี้ ได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้ลงทะเบียนจากภาคตะวันออกเข้าร่วมกว่า 200 คน ถือเป็นโอกาสดีที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จะสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ อาร์เซ็ป แก่ทุกภาคส่วน โดยภายในงานยังมีการเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์จากวิทยากรชั้นนำทั้งจากภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคเอกชน ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการ และเกษตรกร รวมถึงผู้สนใจ มีความรู้ความเข้าใจและเตรียมใช้ประโยชน์จากความตกลงอาร์เซ็ปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายรณรงค์ กล่าวว่า แม้ว่าทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก แต่โอกาสสำหรับสินค้าไทยในตลาดต่างๆ ยังคงมีอีกมาก โดยเฉพาะตลาดของประเทศสมาชิกอาร์เซ็ป ที่ประกอบด้วยสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ และคู่เจรจาอีก 6 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย โดยจากการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI เมื่อปี 2558 พบว่า ประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากอาร์เซ็ปจะช่วยให้เศรษฐกิจของไทยขยายตัว เช่น ปริมาณการส่งออกจะขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.3 ของการส่งออกทั้งหมด ปริมาณการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศจะขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.93 ของการนำเข้าทั้งหมด และจะเป็นตลาดที่ไทยส่งออกไปกว่า 1.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เป็นต้น อาร์เซ็ปจึงเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่ไทยควรให้ความสำคัญ
นายรณรงค์ กล่าวอีกว่า อาร์เซ็ปจะช่วยสร้างโอกาสการส่งออกสินค้าเกษตร และยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารของไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยเฉพาะน้ำตาล อาหารแปรรูป มันสำปะหลัง กุ้ง และข้าว ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารส่งออกที่สำคัญ รวมถึงจะช่วยสร้างโอกาสทางการค้าการลงทุนให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี ให้สามารถเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่าในระดับภูมิภาคได้ พร้อมทั้งสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยในการเข้าไปลงทุนในประเทศสมาชิก ในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ ก่อสร้าง ค้าปลีก ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจเกี่ยวกับภาพยนตร์และบันเทิง ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค รวมถึงรองรับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้
อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการไทยควรติดตามความคืบหน้าของการเจรจาอย่างใกล้ชิด ผ่านช่องทางสื่อต่างๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อจะได้ปรับตัวและเตรียมใช้ประโยชน์จากความตกลงอาร์เซ็ปได้ ทั้งนี้ ขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โดยครั้งต่อไปกำหนดจัดขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น และสงขลา ในเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2563 และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2507 7216 และ 0 2507 6285