กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--Ripple Effect
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา และ โครงการ Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต ร่วมส่งมอบ “ห้องเรียนต้นแบบวิทย์-คณิตออนไลน์แห่งศตวรรษที่ 21” ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากบทสรุปการดำเนินงานตลอด 5 ปีของโครงการฯ แก่กระทรวงศึกษาธิการเพื่อถ่ายทอดส่งต่อยังครูไทยทั่วประเทศผ่านเว็บไซต์คุรุสภาและช่องยูทูป : ห้องเรียนเชฟรอนสนุกวิทย
นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เปิดเผยว่า โครงการ Chevron Enjoy Science : สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ส่งมอบชุดสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ “ห้องเรียนต้นแบบเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์แห่งศตวรรษที่ 21” สำหรับกระทรวงศึกษาธิการ เผยแพร่บนช่องทางที่ครูทั่วประเทศสามารถเรียนรู้ออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์คุรุสภา http://www.ksp.or.th/ksp2018 และ ช่อง YouTube : ห้องเรียนเชฟรอนสนุกวิทย์
เนื้อหาหลักเป็นวิธีจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ตามแนวทางการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งจะทำให้ครูเข้าใจและประยุกต์ใช้ได้ง่าย ทั้งวิธีสร้างการมีส่วนร่วมกับนักเรียน วิธีออกแบบการทดลองและการคำนวณ เพื่อกระตุ้นให้เด็กเกิดกระบวนการคิด วิเคราะห์ ในห้องเรียนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ อันเป็น 2 วิชาสำคัญที่เด็กไทย ส่วนใหญ่ต้องพัฒนาทักษะให้แข็งแกร่งขึ้น
ทั้งนี้ ห้องเรียนต้นแบบเป็นผลจากการบริหารจัดการด้านสะเต็มตลอด 5 ปี ภายในโครงการฯ ที่มีกิจกรรมหลากหลายครอบคลุมทุกภาคส่วนด้านการศึกษาอย่างทั่วถึง ตั้งแต่ การร่วมกับมหาวิทยาลัยจัดตั้งศูนย์สะเต็ม (STEM HUB) จำนวน 12 แห่งครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางประสานงานและบริหารจัดการสื่อการเรียนรู้แก่โรงเรียนที่ร่วมโครงการ การพัฒนาครูต้นแบบ เพื่อเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาด้านวิชาชีพแก่เพื่อนครูที่ต้องการคำแนะนำ และ การส่งเสริมให้เกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ หรือ PLC ระดับเครือข่ายโรงเรียนที่มีผู้อำนวยการสถานศึกษา อาจารย์นิเทศก์การสอนจากมหาวิทยาลัย ครูวิทยากร ครูพี่เลี้ยงทางวิชาการ ศึกษานิเทศก์ นักศึกษาฝึกสอน ครู เพื่อยกระดับคุณภาพด้านวิชาการของโรงเรียนและเพิ่มสมรรถนะของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง
“ห้องเรียนต้นแบบนี้จะเป็นห้องเรียนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มีทั้งสิ้น 42 หน่วยการเรียนรู้ ทั้งนี้จากการประเมินผลสัมฤทธิ์การจัดการเรียนรู้ตามแนวทางดังกล่าว พบว่า ช่วยส่งเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ เปลี่ยนจากท่องจำเป็นคิด วิเคราะห์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยสื่อการเรียนรู้ชุดนี้จะเหมาะกับโรงเรียนขยายโอกาส ทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ซึ่งคิดว่าหากนำไปขยายผลแก่ครูไทยทั่วประเทศได้อย่างทั่วถึง ก็น่าจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยยกระดับและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาด้านสะเต็มให้กับเด็กไทยตรงตามวัตถุประสงค์ที่โครงการฯ วางไว้ได้อย่างแน่นอน” นายอาทิตย์กล่าว