กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--แอบโซลูท พีอาร์
บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย รายงานผลประกอบการประจำปี 2562 โดยมีกำไรสุทธิ 504.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.8% จาก 401.1 ล้านบาทในปี 2561 ประกาศจ่ายปันผล 0.55 บาท/หุ้น นับเป็นกำไรสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา ฝ่าสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตแบบชะลอตัว ส่งผลให้ GDP ในปี 2562 เหลือ 2.4% สวนทางตลาดรถจักรยานยนต์ปี 2562 ที่ลดลง 3.9% ส่วนลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เงินให้กู้ยืมสุทธิ ณ สิ้นปี 2562 รวม 7,438.6 ล้านบาท ลดลง 20.6% โดยผลการดำเนินงานมีแนวโน้มดีขึ้นมาตลอดตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 ถึงปัจจุบัน จากนโยบายเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและควบคุมคุณภาพลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังคงใช้นโยบายดังกล่าวในสถานการณ์ภาพรวมของเศรษฐกิจที่กำลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 'โควิด-19’ และในระยะต่อไป TK เน้นคุณภาพลูกหนี้เป็นปัจจัยหลัก ในธุรกิจภายในประเทศ เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ในขณะนี้ ย้ำเดินหน้าลุยตลาดต่างประเทศตามเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่าจากการ ดำเนินงานประจำปี 2562 ที่ผ่านมา สภาพเศรษฐกิจในประเทศภาพรวมเติบโตแบบชะลอตัว ทำให้การขยายตัวของ GDP ลดลง 2.4% จาก 4.1% ในปี 2561 ซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นภาคการส่งออกที่หดตัวจากหลายสาเหตุ รวมทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบโดยตรงกับการบริโภคภายในประเทศ รวมทั้งยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่ลดลง 3.9% เหลือ 1,719,373 คัน ในปีที่ผ่านมา อีกทั้งหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 79.1% ของ GDP ในไตรมาส 3 ปี 2562 อย่างไรก็ตาม ด้วยนโยบายเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและควบคุมคุณภาพลูกหนี้อย่างต่อเนื่องของ TK ช่วยให้ผลการดำเนินงานในปี 2562 มีกำไรสุทธิ 504.5 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 25.8% จาก 401.1 ล้านบาท ในปี 2561 นับเป็นกำไรสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานในปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 275 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 54.5 ของกำไรสุทธิ โดยจะปิดสมุดพักการโอนหุ้นเพื่อรับเงินปันผลในวันที่ 12 มีนาคม 2563 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 นี้
“ในปี 2562 ที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถมีกำไรสุทธิรวมเพิ่มขึ้น จากการรายได้อื่น ๆ จำนวน 731.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% จาก 670 ล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากคุณภาพลูกหนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น พร้อมทั้งการบริหารจัดการติดตามหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้รายได้อื่น ๆ เพิ่มขึ้นแล้ว ยังส่งผลบวกกับผลประกอบการโดยรวมของบริษัทฯ อีกด้วย ในส่วนของค่าใช้จ่ายรวมในปี 2562 จำนวน 3,086.0 ล้านบาท ซึ่งลดลง 8.2% จาก 3,359.9 ล้านบาท ในปีก่อน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมลดลง 13.7% จาก 2,163.8 ล้านบาท เหลือ 1,866.8 ล้านบาท จากการที่บริษัทฯ มีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการนำ Digital Technology เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการมากขึ้น รวมทั้งมีการบริหารจัดการแหล่งต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม รายได้รวมปี 2562 จำนวน 3,719.1 ล้านบาท ลดลง 3.9% จาก 3,871.8 ล้านบาท ส่วนรายได้เช่าซื้อ ปี 2562 จำนวน 2,966.6 ล้านบาท ลดลง 6.4% จาก 3,170.3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ TK เน้นคุณภาพลูกหนี้เป็นปัจจัยหลัก ในธุรกิจภายในประเทศ เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ในขณะนี้ และจะยังคงเร่งการขยายธุรกิจไปในตลาดต่างประเทศอย่างเต็มกำลัง ตามทิศทางของบริษัทที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดดังกล่าว” นางสาวปฐมากล่าว
ทางด้าน นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ TK กล่าวเพิ่มเติมว่า ณ สิ้นปี 2562 บริษัทฯ มีลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เงินให้กู้ยืมสุทธิรวม 7,438.6 ล้านบาท ลดลง 20.6% จาก 9,372.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากนโยบายเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 9,163.3 ล้านบาท ลดลง 13.4% จาก 10,578.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และหนี้สินรวม 3,839.7 ล้านบาท ลดลง 30.2% จาก 5,500.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีผ่านมา และในไตรมาส 3 ปี 2562 ที่ผ่านมา จนถึงสิ้นปี บริษัทมีโครงการขยายระยะเวลาการผ่อนชำระสำหรับลูกค้าชั้นดี ที่มีการผ่อนชำระค่างวดเช่าซื้อมาเกินกว่าครึ่งหนึ่งของค่างวดรายเดือนที่ทำสัญญาเช่าซื้อทั้งหมด และยังมีการผ่อนชำระค่างวดอย่างสม่ำเสมอ แต่อาจมีการชำระล่าช้าจนมียอดค้างชำระบางส่วน โดยบริษัทฯ ไม่ได้ลดการตั้งสำรองของลูกค้าในกลุ่มนี้ เป็นผลให้การตั้งสำรองของบริษัท ณ สิ้นปี 2562 เป็นจำนวน 632.5 ล้านบาท บวกกับ General Reserve 1% (77.1 ล้านบาท) รวมเป็นสำรองลูกหนี้ 709.6 ล้านบาท และมีค่าเผื่อสำรองลูกหนี้สงสัยจะสูญต่อลูกหนี้รวมที่ 8.7% และ มีลูกหนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือนที่ 4.5% ส่งผลให้ Coverage Ratio อยู่ที่ 193.5%
นายประพลกล่าวเพิ่มเติมว่า “จะเห็นว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน จากมาตรการที่เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและการควบคุมคุณภาพลูกหนี้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และบริษัทยังคงนโยบายเร่งตัดหนี้สูญสำหรับกลุ่มลูกหนี้ที่มีการชำระค่างวดไม่สม่ำเสมอ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัท โดยเฉพาะในสถานการณ์ภาพรวมของเศรษฐกิจที่กำลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 'โควิด-19’ ซึ่งยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ในขณะนี้ ซ้ำเติมจากภัยแล้งและสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน”
สำหรับการขยายตลาดไปในต่างประเทศ ปัจจุบัน TK มีบริษัทลูกดำเนินธุรกิจอยู่ใน 3 ประเทศ คือ บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และรถยนต์ในราชอาณากัมพูชา และสปป. ลาว และบริการ Micro Finance ในสหภาพเมียนมา ในปี 2562 ที่ผ่านมามีสัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์จากต่างประเทศ 17.8% ของลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั้งหมด ซึ่งเติบโต 36.3% จากปีก่อนหน้านี้ โดยบริษัทฯ มีแผนเพิ่มจำนวนสาขาให้บริการในทั้ง 3 ประเทศ คาดว่าจะมีจำนวนสาขาในต่างประเทศรวม 21 สาขา ภายในสิ้นปี 2563 นี้ นอกจากนี้ TK ยังคงมองหาโอกาสในการเร่งขยายตลาดเดิมและเปิดตลาดใหม่ ๆ เมื่อมีโอกาสและจังหวะที่เหมาะสม นายประพลกล่าวทิ้งท้าย
เกี่ยวกับบริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน)
บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ของประเทศ ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 1,900 คน มีสาขาบริการรวม 75 สาขา มีบริษัทลูกในประเทศ 3 บริษัท และต่างประเทศ 3 บริษัท คือกัมพูชา ลาว เมียนมา ให้บริการลูกค้าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั้งในและนอกประเทศ โดยมีลูกค้าประมาณ 300,000 ราย