กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--โฟร์ฮันเดรท
บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ หรือ HMPRO เผยรายได้ผลประกอบการปี 2562 โกยยอดขายรายได้รวม 67,423.88 ล้านบาท และ 6,176.59 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 2.08% และ 10.05% จากปีก่อน โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายจากยอดขายสาขาเดิมในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตสูงจากกลุ่มสินค้าปรับปรุงคุณภาพอากาศ เนื่องด้วยสภาพอากาศที่มีมลภาวะสูงผิดปกติ และกลุ่มสินค้าเครื่องทำความเย็นจากสภาพอากาศที่ร้อนต่อเนื่อง
นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ประจำปี 2562 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยยังคงมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมและกำไรสุทธิเป็นจำนวน 67,423.88 ล้านบาท และ 6,176.59 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 2.08% และ 10.05% จากปีก่อนหน้า สำหรับยอดขายสาขาเดิมในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตสูงจากกลุ่มสินค้าปรับปรุงคุณภาพอากาศ เนื่องด้วยสภาพอากาศที่มีมลภาวะสูงผิดปกติ และกลุ่มสินค้าเครื่องทำความเย็นจากสภาพอากาศที่ร้อนต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยอดขายสาขาในครึ่งปีหลังยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยนั้นมีประสิทธิภาพการดำเนินงานดีขึ้น เป็นผลจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านต่างๆ ทั้งนี้ บริษัทฯ เล็งเห็นความสำคัญของการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนการบริหารต้นทุนการดำเนินงาน รวมถึงการคัดสรรและพัฒนาคุณภาพสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ซึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ มีผลประกอบการเติบโตมาจากรายได้รวม จำนวน 67,423.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,373.97 ล้านบาท หรือ 2.08% ซึ่งประกอบไปด้วย รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า ซึ่งเป็นรายได้ที่ประกอบไปด้วยรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า Home Service รวมจำนวน 63,046.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,094.91 ล้านบาท หรือ 1.77% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตเล็กน้อยของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปร ในขณะที่ยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจเมกา โฮม อยู่ในระดับทรงตัว รวมถึงยอดขายสาขาใหม่ทั้งธุรกิจโฮมโปร และเมกา โฮม รวมถึงรายได้จากค่าบริการ “Home Service”
นอกจากนี้ โฮมโปร ยังมีรายได้ค่าเช่า จำนวน 2,207.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 232.02 ล้านบาท หรือ 11.75% เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากการขยายพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ และพื้นที่ให้เช่าสาขาใหม่ของโฮมโปรและเมกา โฮม
นายคุณวุฒิ กล่าวต่อว่า ในส่วนของรายได้อื่น จำนวน 2,170.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.03 ล้านบาท หรือ 2.21% โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้ส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้า ดอกเบี้ยรับ และรายได้เบ็ดเตล็ด
ในส่วนของกำไรขั้นต้นกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าและการให้บริการลูกค้า Home Service รวมจำนวน 16,331.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 542.11 ล้านบาท หรือ 3.43% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 25.49% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 25.90% โดยเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้ามีไว้เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไป และกลุ่มสินค้า Direct Sourcing รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพวางแผนการจัดซื้อสินค้าของธุรกิจโฮมโปร เมกา โฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย แม้ว่าบริษัทฯ มีต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้นก็ตาม
ในปี 2562 บริษัทฯ ได้เปิดสาขาโฮมโปรทั้งหมด 2 แห่งที่ (1) จรัญสนิทวงศ์ (2) มุกดาหาร และโฮมโปรเอส 1 แห่งที่ สามย่าน มิตรทาวน์ และได้มีการเปิดสาขาเมกา โฮม ทั้งหมด 2 แห่งที่ (1) ระยอง (บ้านฉาง) และ (2) บางนา-ตราด ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2562 บริษัทฯ มีสาขาโฮมโปร 84 สาขา โฮมโปรเอส 9 สาขา เมกาโฮม 14 สาขา และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย 6 สาขา ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2562 บริษัทฯ มีสาขาโฮมโปร 84 สาขา โฮมโปรเอส 9 สาขา เมกาโฮม 14 สาขา และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย 6 สาขา
นายคุณวุฒิ กล่าวต่อไปอีกว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2562 ขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ เป็นผลมาจากการชะลอตัวของปริมาณการค้าโลกและอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าที่สำคัญจากการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน โดยภาคการส่งออกได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ลดลงทั่วโลก ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงเช่นกัน เนื่องมาจากอัตราการจ้างงานที่ปรับลดลง โดยเฉพาะในภาคการผลิตเพื่อส่งออก นอกจากนั้นกำลังซื้อของผู้บริโภคยังได้รับผลกระทบจากระดับหนี้สินภาคครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้น และราคาพืชผลทางการเกษตรที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวเองก็ได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดน้อยลงโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก แม้ว่ารัฐบาลจะได้เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังด้วยมาตรการต่างๆ เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการชิมช้อปใช้ เป็นต้น แต่เศรษฐกิจในภาพรวมยังคงไม่เอื้ออำนวยต่อการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเท่าที่ควร
“ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแสดงความขอบคุณในความทุ่มเท มุ่งมั่น ตั้งใจ ความรับผิดชอบของบุคลากรในทุกระดับ ตลอดจนการสนับสนุนด้วยดีจากผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนเสมอมา บริษัทฯ เชื่อว่าการเติบโตทางธุรกิจที่ได้สร้างคุณค่าให้กับทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า พนักงาน คู่ค้า ผู้ถือหุ้น ตลอดจนชุมชนและสังคม จะเป็นปัจจัยสำคัญหลักที่จะผลักดันให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน อันจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนด้วยเช่นกัน” นายคุณวุฒิ กล่าวปิดท้าย