![ASIAN ชงแผนปี 63 เน้นธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ดันแบรนด์ใหม่เจาะตลาดราคาย่อมเยาว์ ตั้งธงรายได้โต 10% งวดปี 62 ปันผล 0.20 บาท/หุ้น]()
กรุงเทพฯ--5 มี.ค.--IR PLUS
“
เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น” ตั้งธงรายได้ปี 2563 โต 10% ชูธุรกิจอาหาร
สัตว์เลี้ยงโดดเด่น เตรียมขยายตลาดแบรนด์ “มองชู” และเปิดตัวแบรนด์ใหม่เจาะตลาดในราคาที่จับต้องได้ง่าย พร้อม
โฟกัสธุรกิจที่ทำกำไรงาม ส่วนผลงานปี 2562 มีกำไรสุทธิ 133 ลบ. บอร์ดใจดีมีมติ
จ่ายปันผลหุ้นละ 0.20 บาท
นาย
เฮ็นริคคัส แวน เวสเทนดร็อป ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท
เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN ผู้ประกอบธุรกิจแปรรูปสัตว์น้ำแช่แข็ง จำหน่ายและส่งออก และผู้ผลิตและจำหน่ายอาหาร
สัตว์เลี้ยง เปิดเผยว่า ปี 2563 บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้เติบโต 10% หรือมีรายได้รวมประมาณ 9,100 ล้านบาท และคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นแตะระดับ 10% โดยมีปัจจัยบวกในการเติบโตของธุรกิจอาหาร
สัตว์เลี้ยง ที่คาดว่าจะเติบโตรวมกว่า 30% ทั้งจากกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเอง โดยนอกจากจะมีธุรกิจในกลุ่มอาหาร
สัตว์เลี้ยงแบบเม็ดที่จีนแล้ว ยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์อาหาร
สัตว์เลี้ยงแบบเม็ดแบรนด์ใหม่เพื่อเจาะตลาดราคาย่อมเยาว์อีกด้วย
สำหรับธุรกิจทูน่า ปีนี้คาดว่าจะโตราว 35% จากปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งมียอดขายอยู่ที่ราว 1,100 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2563 คาดว่าราคาวัตถุดิบจะผันผวนน้อย และ ASIAN ยังจับกลุ่มไฮมาร์จิ้นในตลาดทูน่าได้ ส่วนธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ จะดีกว่าปี 2562 คาดจะมีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มอาหารกุ้งเพิ่มขึ้น คาดว่าเติบโตได้กว่า 20% ส่วนธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง คาดว่าหดตัวราว 20% ซึ่งยังอยู่ในภาวะที่ต้องปรับตัว และขยายตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่ม Pre-fried หรือ กลุ่มของทอด ขยายฐานลูกค้ารายใหม่ ๆ เพิ่ม
ในปลายปี 2562 ASIAN มีการทบทวนกลยุทธ์ทางธุรกิจ และปรับกลุ่มธุรกิจให้สอดคล้องกับทิศทางการขยายธุรกิจในอนาคต โดยวางแผนกลยุทธ์แยกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจอาหาร
สัตว์เลี้ยง กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ กลุ่มธุรกิจทูน่า และกลุ่มธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง โดยในกลุ่มธุรกิจอาหาร
สัตว์เลี้ยง ASIAN ยังคงมุ่งเติบโตยอดขายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเอง และเพิ่มกำลังการผลิตทั้งในกลุ่มอาหาร
สัตว์เลี้ยงแบบเปียก และอาหาร
สัตว์เลี้ยงแบบเม็ด ในขณะที่กลุ่มอาหารสัตว์น้ำ เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขยายตลาดผ่านการขยายธุรกิจเพาะพันธุ์ลูกกุ้ง กลุ่มธุรกิจทูน่า เน้นเติบโตในตลาดเฉพาะ (niche market) และในกลุ่มธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง มุ่งหาตลาดใหม่และขยายตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า
นอกจากนี้ ASIAN ยังมีการปรับปรุงการบริหารงานภายใน และวางกลยุทธ์ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้กลยุทธ์ CHEERS! ที่มุ่งความสำคัญเรื่องการพัฒนาคุณภาพ การวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนาบุคลากร การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและเคารพซึ่งหลักสิทธิมนุษยชน
สำหรับงบลงทุนตั้งไว้ราว 230 ล้านบาท โครงการสำคัญปีนี้ คือ การสร้างไลน์ผลิตอาหาร
สัตว์เลี้ยงแบบเม็ดในไทย และลงทุนเครื่องจักรอัตโนมัติในธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง และธุรกิจอาหาร
สัตว์เลี้ยงเพื่อทดแทนแรงงานคน
“เป้าหมายหลักของ ASIAN ปี 2563 คือ เดินหน้าขยายตลาดและ
โฟกัสธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไร โดยจะมีการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่ ขยายธุรกิจอาหาร
สัตว์เลี้ยงที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง ทั้งในกลุ่มรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก และเร่งสร้างแบรนด์ของตนเอง คลังสินค้าระบบอัตโนมัติของ ASIAN ที่ดำเนินการแล้วเสร็จ และเริ่มใช้งานแล้วในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เชื่อว่าจะเสริมประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการธุรกิจอาหาร
สัตว์เลี้ยงให้ดียิ่งขึ้น ในส่วนของแบรนด์ ปีนี้ต้องเร่งขยายตลาดมองชู (monchou) ทั้งในไทยและจีน หลังจากผลิตภัณฑ์เริ่มเป็นที่รู้จัก เร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในช่วงกลางปีนี้ เจาะตลาดราคาจับต้องง่าย” นายเฮ็นริคคัส กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 8,194 ล้านบาท ลดลงราว 15% เทียบกับปี 2561 ที่มีรายได้ 9,649 ล้านบาท โดยยอดขายเชิงปริมาณอยู่ที่ราว 88,000 ตัน ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ยอดขายที่ลดลงเป็นผลจากราคาขายเฉลี่ยและค่าเงินบาทแข็งค่า ขณะที่กำไรสุทธิปี 2562 อยู่ที่ 133 ล้านบาท ลดลง 63.26% จากปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 362 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 8% ลดลงจาก 10.4% ในปีก่อนหน้า เนื่องจากมีอัตรากำไรต่ำในกลุ่มผลิตภัณฑ์กุ้งแช่เยือกแข็ง และค่าเงินบาทแข็งค่า
ณ สิ้นปี 2562 สัดส่วนยอดขายเชิงปริมาณของธุรกิจ ใน 5 กลุ่มหลัก คือ ธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง มีสัดส่วนราว 38% ธุรกิจอาหาร
สัตว์เลี้ยง 27% ธุรกิจทูน่า 13% ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ 13% และธุรกิจจัดจำหน่าย 7% ของยอดขายทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงคำนึงถึงผู้ถือหุ้นเป็นหลัก จึงพิจารณา
จ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น โดยจ่ายจากกำไรสะสม กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 5 พฤษภาคม 2563 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล 7 พฤษภาคม 2563 และ
จ่ายปันผลวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 โดยจะจัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 23 เมษายน 2563