กรุงเทพฯ--9 มี.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
'บมจ.พริมา มารีน’ หรือ (“PRM”) กางแผนรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเชื้อไวรัส Covid-19 หากมีสัญญาณกระทบต่อปริมาณการบริโภคปิโตรเลียมภายในประเทศรุนแรง เตรียมปรับแผนลดใช้บริการเรือ Outsource หันมาใช้เรือขนส่งและจัดเก็บของบริษัทฯ มากขึ้น ตั้งเป้ารักษาอัตราการใช้บริการให้อยู่ในระดับ 90-95% เพื่อช่วยบริหารต้นทุนดำเนินงานที่ดี
นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) (“PRM”) ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 เพื่อประเมินระดับความรุนแรงและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ รวมถึงการบริโภคปิโตรเลียมในประเทศอย่างใกล้ชิด โดยในกรณีที่ปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ ได้วางแผนรับมือ โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการกองเรือเพื่อบริหารต้นทุนและรักษาคุณภาพการให้บริการแก่ลูกค้า
สำหรับกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศ ปัจจุบันมีเรือที่กลุ่มบริษัทฯ เป็นเจ้าของให้บริการทั้งสิ้น 31 ลำ ซึ่งบริษัทฯ ได้วางเป้าหมายบริหารอัตราการใช้เรือให้อยู่ในระดับ 90-95% โดยหากพบว่าปัจจัยลบส่งผลรุนแรงต่อการบริโภคปิโตรเลียมภายในประเทศ บริษัทฯ จะลดการใช้เรือ outsource จากภายนอก และเน้นใช้กองเรือของบริษัทฯ ให้มากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถการบริหารค่าใช้จ่ายและต้นทุนดำเนินการให้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่กลุ่มธุรกิจเรือ FSU ที่มีเรือให้บริการ 8 ลำนั้น ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวมากนัก เนื่องจากเป็นการให้บริการภายใต้สัญญาแบบมีระยะเวลา (Time Charter) ระยะยาว และคู่ค้ายังมีความต้องการใช้เรือขนส่งปิโตรเลียมและกักเก็บน้ำมันเตากำมะถันต่ำ ตามกฎข้อกำหนด IMO 2020
“เรามีแผนขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อรับมือกับวิกฤติในครั้งนี้ โดยขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น เป้าหมายคือรักษาอัตราการใช้เรือให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเพื่อควบคุมต้นทุนการดำเนินงาน อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้ทำสัญญาแบบระยะยาวในการให้บริการแก่คู่ค้า จึงมั่นใจว่า PRM จะรับมือกับผลกระทบครั้งนี้ได้ดี และยังคงรักษาอัตราการเติบโตได้ตามเป้าหมาย” นายวิริทธิ์พล กล่าว