กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม
ITEL กางแผนธุรกิจปี 2563 ปักธงรายได้ 2,400 ล้านบาท ชูกลยุทธ์รุกประมูลบิ๊กโปรเจ็กต์ ลุยตลาดทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่อเนื่อง ดันผลงานทำนิวไฮ เผยไตรมาสสองสตอรี่เด่น เตรียมเสนองานต่อลูกค้าทั้งรัฐและเอกชนไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท อวดผลงานปี 2562 เติบโต กวาดรายได้ 2,346.59 ล้านบาท กำไร 181.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.09 สวนกระแสเศรษฐกิจ จากการวางแผนนำบิ๊กดาต้าเข้ามาใช้ทำงาน ทั้งการวางกลยุทธ์สร้างแบรนด์ด้วยคุณภาพและเสถียรภาพของโครงข่ายและบริการที่ลูกค้าไว้วางใจ พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 2,400 ล้านบาท ขยับสัดส่วนโครงสร้างรายได้จากงานโครงการมาสู่รายได้ต่อเนื่องมากขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากงานติดตั้งโครงการอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกล (USO Phase 2) ที่กำลังจะขยับเข้าสู่ช่วงให้บริการโครงข่าย นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงเล็งที่จะเข้ารับงานโครงการขนาดใหญ่ทั้งในส่วนงานภาครัฐ ที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ และงานภาคเอกชนที่ปีนี้คาดว่าจะมีการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ อีกทั้งบริษัทมีต้นทุนที่ลดลงจากการเจรจาปรับโครงสร้างราคาท่อร้อยสาย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้อัตราการทำกำไรของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2563 ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) อยู่แล้วทั้งสิ้น 4,124 ล้านบาท โดยจะมีการทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,346.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.63% จากปี 2561 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,611.36 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 181.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.09% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 133.00 ล้านบาท สำหรับรายได้จากการให้บริการโครงข่ายในปี 2562 อยู่ที่ 848.86 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการให้บริการติดตั้งโครงข่ายอยู่ที่ 1,387.53 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์อยู่ที่ 93.91 ล้านบาท โดยผลประกอบการไตรมาส 4/2562 บริษัทฯมีรายได้รวมอยู่ที่ 550.07 ล้านบาท และมีกำไรสำหรับงวดไตรมาส 4/2562 จำนวน 44.45 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้น 30.70% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสที่จะลงทุนเพิ่มเติมโดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการ TELEHEALTH ที่จะช่วยส่งเสริมสุขภาพให้กับประชาชน โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 3/2563 นอกจากนี้บริษัทฯ จะเริ่มให้บริการด้าน Smart Security ซึ่งเป็นบริการโซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์กรและธุรกิจ ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงมากในอนาคต ทั้งจะช่วยผลักดันให้ธุรกิจหลักของบริษัทฯ เติบโตระยะยาว ซึ่งภายในระยะเวลา 5 ปี (2563-2567) บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้จะเติบโตต่อเนื่อง 20 - 30 % ต่อปี ทั้งนี้บริษัทฯ มีการระบุกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งเน้นในการสร้างรากฐานที่ยั่งยืนและความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวด้วยการให้บริการและ คำปรึกษาแก่ลูกค้า รวมถึงการขยายพื้นที่ให้บริการเพื่อตอบสนองปริมาณความต้องการในการเชื่อมต่อสื่อสารซึ่งยังคงเติบโตสอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม
“จากกรณีสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งกำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก และในแต่ละประเทศมีความรุนแรงแตกต่างกันตามระยะ บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยในปัจจุบันบริษัทฯ ยังสามารถทำผลงานได้เกินเป้าหมาย ต้องนับว่าเป็นการเติบโตที่ดีมากสำหรับ ITEL ไม่ว่าจะเป็นยอดขาย หรือกำไรสุทธิ ซึ่งเกิดจากการวางแผนโดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน และวางกลยุทธ์ รวมถึงการบริหารจัดการลูกค้า ทำให้บริษัทฯ มีการเดินหน้าวางแผนเข้ารับงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต” นายณัฐนัยกล่าว