“ อาร์สยาม ” Claim ค่ายเพลงลูกทุ่งยุคใหม่ One Stop Service Music Marketing ค่ายเดียวในเมืองไทย

ข่าวบันเทิง Tuesday March 11, 2008 13:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 มี.ค.--อาร์เอส
อาร์สยาม” ค่ายเพลงในเครืออาร์เอส ประกาศโมเดลธุรกิจเพลงลูกทุ่งใหม่ ในการเป็นค่ายเพลงลูกทุ่งที่เบ็ดเสร็จในตัวเอง ค่ายเดียวในเมืองไทย สู้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ พลิกตัวสู่การเป็น One Stop Service Music Marketing มองหาพันธมิตรที่มีลูกค้าเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกันร่วมทำตลาด เน้นบริหารรายได้แบบ 360 องศา โดยอาศัยจุดแข็งด้านสื่อ และศิลปินที่มีอยู่ สร้างความพอใจให้ลูกค้า หลังพบตลาด และพฤติกรรมการ “ ซื้อ” และ “โหลด” ของเถื่อนของผู้บริโภคตลอดปีที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงไป
นายศุภชัย นิลวรรณ รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ค่ายเพลงอาร์สยาม ในเครือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน ) หรือ RS เปิดเผยว่าบริษัทได้ปรับโมเดลทางธุรกิจใหม่ในการเป็น One Stop Service Music Marketing ที่เน้นสร้างรายได้ 360 องศารอบตัว โดยมองหาพันธมิตรที่เข้ามาเป็นลูกค้า ที่มีกลุ่มเป้าหมายเดียวกันร่วมทำตลาด ในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ การเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า , การจัดกิจกรรมโรดโชว์ต่างๆ การจัดคอนเสิร์ต หรือการผูกบุคลิกของศิลปินเข้าไปกับตัวสินค้า หรือการ Tie-in สินค้าเข้าในมิวสิควีดีโอ เป็นต้น ถือเป็นกลยุทธ์ช่วยบริหารความเสี่ยงและต้นทุนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการบริหารศิลปินและสร้างรายได้ครบทุกช่องทาง จากเดิมที่ช่องทางรายได้หลักของธุรกิจเพลงลูกทุ่ง มาจากรูปแบบของการขายแผ่น ซีดี และวีซีดี ( Physical ) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 60-70% ของรายได้รวมทั้งหมด แต่เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมาการละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งจากผู้ผลิต รวมถึงผู้บริโภคที่เป็นผู้ละเมิดเองระบาดหนัก ทำให้ตลาดรวมรายได้จากการขายแผ่นลดลงทุกปี เป็นผลให้ค่ายเพลงทั้งเล็กและใหญ่ ต้องปรับตัวเองและพยายามหารายได้ช่องทางอื่นมาเสริม
โดยล่าสุด บริษัท ฯ ได้ร่วมกับ บริษัท ดอกบัวคู่ จำกัด ซึ่งถือเป็นพันธมิตรรายแรก หลังจากที่บริษัท ฯ ปรับโมเดลธุรกิจใหม่นี้ เพื่อเปิดตัวแคมเปญยักษ์ “ อาบผิวสวย รวยโชค กับ สบู่สมุนไพรดอกบัวคู่ ” โดยใช้ศิลปินภายใต้สังกัดอาร์สยามจัดกิจกรรมการตลาดในรูปแบบของคอนเสิร์ตทั่วประเทศไทย และใช้ช่องทางการโปรโมตผ่านทางสื่อของอาร์สยาม โดยที่บริษัทฯ มีศิลปินนักร้องถือเป็น Asset ที่มีค่าที่สุด เพื่อนำมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเน้นทำตลาดเพลงเฉพาะ ที่เรียกว่า “ โลคัล มาร์เก็ตติ้ง ( Local Marketing ) ” อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัท ฯ ยังผลิตรายการโทรทัศน์เอง โดยมีรายการจำนวนทั้งสิ้น 6 รายการ โดยมีรายการออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 คือรายการ “ บุษบาวาไรตี้ ” และรายการ “ ญ.หญิงโสภา” รายการที่ออกอากาศสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 คือ
รายการ “ สาวคูณสอง ” รายการที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนท์ คือรายการ “ เมืองไทยใช่เลย ” รายการ “ สยามพลาซ่า” และรายการ “ มหัศจรรย์วันหยุด ” และมีรายการวิทยุภายใต้ชื่อ “ สถานีเพลงฮิตสนั่นเมือง ” ที่นำเสนอเพลงหลากหลายสไตล์ทาง FM 107.25 MHz กรุงเทพฯ และเนตเวิร์คยังสถานีเครือข่ายทั่วประเทศพร้อมทั้ง 22 ประเทศในแถบภูมิภาคเอเชีย และทั่วโลก ซึ่งสามารถรับฟังได้ทางอินเตอร์เน็ต www.r-siam.com ทำให้สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่จะมาร่วมได้เป็นอย่างดี
“ เราเป็นค่ายเพลงลูกทุ่งค่ายแรกในเมืองไทยที่กล้าปรับตัวเองเข้าสู่การเป็น One Stop Service Music Marketing โดยลูกค้าที่มาร่วมกับอาร์สยาม ส่วนใหญ่ที่เข้ามาเพราะต้องการบุกรากหญ้า ดังนั้นเราจะทำการตลาดให้แบบครบวงจรนั้นคือคุณต้องการอะไรเราสามารถทำให้ได้หมด เพราะจุดแข็งของอาร์สยามคือเรามีทั้งศิลปินที่โด่งดังในทุกๆภาค โดยเฉพาะภาคใต้ และภาคอีสาน และมีสื่อที่แข็งแรงในมือทั้งทีวีและวิทยุ ผมเชื่อว่าโมเดลนี้จะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า อีกทั้งสร้างรายได้ที่มากขึ้นให้กับทางบริษัท ถือเป็นการบริหารต้นทุนได้เป็นอย่างดี ”
ทั้งนี้ การปรับโมเดลในลักษณะคล้ายกันนี้ เริ่มเห็นครั้งแรกในปี 49 จากความร่วมมือของบริษัทฯกับ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายเนสกาแฟ ทรี อิน วัน มายคัพ จัดกิจกรรมทางการตลาดภายใต้ชื่อแคมเปญ “ คนใต้หัวใจเข้มข้น ” โดยจัดคอนเสิร์ตเนสกาแฟ มายคัพ คนใต้หัวใจเข้มข้น อีกทั้งยังใช้ศิลปินอาร์สยามในการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า อาทิ หลวงไก่ เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับเนสกาแฟ ทรี อินวัน มายคัพออริจินัล ตัวแทนความเข้มข้น , บ่าววี เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับเนสกาแฟ ทรี อิน วัน มายคัพ เทอร์โบ และ บิว กัลยาณี เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับเนสกาแฟ ทรี อิน วัน มายคัพ มายด์
โดยที่ปัจจุบันตลาดเพลงลูกทุ่งทั่วประเทศเฉพาะการขายแผ่น ซีดี และวีซีดี ( Physical) มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1,200 — 1,500 ล้านบาท โดยที่อาร์สยามมีส่วนแบ่งตลาดเพลงลูกทุ่งรวมอยู่ที่ 19 % แกรมมี่โกล์ด 65 % และค่ายย่อยอื่นๆ 16 % อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดลูกทุ่งภาคใต้นั้น อาร์สยามได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำอยู่ที่ อยู่ที่อาร์สยาม 37 % แกรมมี่โกล์ด 36 % และค่ายย่อยอื่นๆอีก 27 % สำหรับตลาดลูกทุ่งภาคอีสาน อาร์สยามมีส่วนแบ่ง 10 % แกรมมี่โกล์ด 75 % และค่ายย่อยอื่นๆ 15 % และตลาดลูกทุ่งภาคกลางและภาคเหนือนั้นอาร์สยามมีส่วนแบ่ง 20 % แกรมมี่โกล์ด 70 % และค่ายย่อยอื่นๆ 10 %

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ