คาเธ่ย์ แปซิฟิค แถลงผลประกอบการปี 2550 กำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 71.8

ข่าวทั่วไป Tuesday March 11, 2008 15:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 มี.ค.--ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์
สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค แถลงผลการดำเนินงาน ณ สิ้นปี 2550 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 71.8 จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 7,023 ล้านเหรียญฮ่องกง ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนผู้โดยสารและจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวรวมรายได้ตลอดทั้งปีของสายการบินดราก้อนแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินน้องใหม่ในเครือแล้ว
ผลประกอบการ ปี 2550 ปี 2549 เปลี่ยนแปลง
รายได้รวม (ล้านเหรียญฮ่องกง) 75,358 60,783 +24.0%
กำไรที่สามารถจ่ายปันผลได้ (ล้านเหรียญฮ่องกง) 7,023 4,088 +71.8%
กำไรต่อหุ้น (เซ็นต์) 178.3 115.9 +53.8%
เงินปันผลต่อหุ้น (เซ็นต์) 84.0 84.0 -
นายคริสโตเฟอร์ แพรตต์ ประธานสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค เปิดเผยว่า รายได้รวมของเครือคาเธ่ย์ แปซิฟิค เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 มาอยู่ที่ 75,358 ล้านเหรียญฮ่องกง จาก 60,783 ล้านเหรียญฮ่องกงในปี 2549 โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 71.8 มาอยู่ที่ 7,023 ล้านเหรียญฮ่องกง เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารและจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น แต่จากปัจจัยราคาน้ำมัน ที่ขยับตัวสูงขึ้น ยังคงส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลการดำเนินงานของคาเธ่ย์ฯ โดยเฉพาะในช่วง ครึ่งปีหลัง ทำให้ค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงในปีนี้พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 24,624 ล้านเหรียญฮ่องกง เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.8 จากปี 2549 โดยที่ค่าธรรมเนียมน้ำมัน (fuel surcharge) ที่เก็บจากค่าโดยสารและค่าขนส่งสินค้าสามารถชดเชยต้นทุนส่วนนี้ได้เพียงบางส่วน เนื่องมาจากนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการและลดรายจ่าย
รายได้จากบริการขนส่งผู้โดยสาร (passenger revenue) ของคาเธ่ย์ฯ ทำสถิติสูงสุดใหม่ แตะ 39,299 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากปีที่ผ่านมา จากจำนวนผู้โดยสาร ที่เพิ่มขึ้นเป็น 17.8 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 และจากการที่ลูกค้าในกลุ่มผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจมีความต้องการบริการในระดับสูงได้ส่งผลให้รายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วย (passenger yield) เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 มาอยู่ที่ 52.2 เซ็นต์ โดยที่ความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของสายการบินฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 เนื่องจากมีการเพิ่มจำนวนเครื่องบิน และขยายเส้นทางให้บริการมากขึ้น ซึ่งคาเธ่ย์ฯ และดราก้อนแอร์ ได้เพิ่มจำนวนเครื่องบินโดยสารอีก 12 ลำในปีที่ผ่านมา โดยเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 777-300 จำนวน 5 ลำจากทั้งหมด 30 ลำ ที่สายการบินฯ ได้สั่งซื้อไปแล้ว ทั้งนี้เครื่องบินใหม่ที่จะใช้เป็นเครื่องบินหลักสำหรับเที่ยวบินระยะไกล ได้เคยถูกใช้งานในการเพิ่มเที่ยวบินรายวันแบบ non-stop ไปนิวยอร์คมาแล้ว
“เราได้เพิ่มเที่ยวบินขึ้นอีกในหลายเส้นทาง โดยได้บินไปยังเมลเบิร์น และซานฟรานซิสโก ในแบบเที่ยวบินรายวัน ส่วนปลายทางอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นเที่ยวบินรายวัน ก็ได้แก่ เอดีเลด, แฟรงค์เฟิร์ต, ปารีส, เพิร์ธ, โตเกียว, โตรอนโต และแวนคูเวอร์ นอกจากนี้ เรายังได้เพิ่มเส้นทางบินร่วมกับสายการบินดราก้อนแอร์อีก 7 เส้นทางในปีที่ผ่านมาด้วย” นายคริสโตเฟอร์ กล่าว
ในส่วนของบริการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์จากฮ่องกงก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน โดยปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นเป็น 1.353 ล้านตัน ส่งผลให้รายได้จากการขนส่งเพิ่มขึ้นถึง 13,183 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.0 ในขณะที่ความสามารถในการรองรับปริมาณ การขนส่ง (cargo load factor) ลดลงร้อยละ 0.8 มาอยู่ที่ร้อยละ 67.5 ทั้งนี้ เป็นผลมาจาก ความต้องการใช้บริการดังกล่าวในตลาดนอกยุโรปและเอเชียเหนือลดลง ในขณะที่ภาวะ การแข่งขันในตลาดสูงขึ้น อีกทั้งผู้ประกอบการได้หันไปใช้บริการขนส่งสินค้าทางเรือบรรทุกสินค้ามากขึ้น เนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันแพง ส่งผลให้รายได้ต่อหน่วยจากการขนส่งสินค้าลดลงร้อยละ 7.7 มาอยู่ที่ 1.56 เหรียญฮ่องกง
นายคริสโตเฟอร์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตลอดหนึ่งปีเต็มที่มีการควบรวมกิจการ ของสายการบินดราก้อนแอร์เข้ามาอยู่ในเครือคาเธ่ย์ฯ ทั้งสองสายการบินได้ขยายกรอบ ความร่วมมือในการให้บริการแก่ผู้โดยสารอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยดราก้อนแอร์ได้เพิ่มเส้นทางบินใหม่ อีก 6 จุดหมายปลายทาง ได้แก่ ปูซาน, ฟูกุโอกะ, กัตมัณฑุ, ภูเก็ต, เซนได และไถจง ในขณะที่เวลาในการต่อเครื่องที่สนามบินนานาชาติฮ่องกงก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ฮ่องกงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการบินระดับนานาชาติต่อไป
นายแอรอน ชาน ผู้จัดการประจำประเทศไทย สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค กล่าวว่า ผลประกอบการของเราถือว่าอยู่ในระดับน่าพอใจเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง ทั้งนี้ เนื่องจากได้รับผลดีจากการที่เราได้เข้าเป็นเจ้าของสายการบินดราก้อนแอร์ ซึ่งได้ก่อให้เกิดการพัฒนาเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันระหว่างสองฝ่าย ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพ ในการให้บริการแก่ลูกค้าของสายการบินดราก้อนแอร์อีกด้วย อนึ่ง คาเธ่ย์ แปซิฟิค ยังได้ขยายความสัมพันธ์กับสายการบินแอร์ ไชน่า ด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้บริการที่เป็นเลิศแก่ลูกค้า ควบคู่ไปกับการสร้างอัตราเจริญเติบโตแก่ธุรกิจ รวมทั้งเป็นประตูสู่จีนแผ่นดินใหญ่อีกด้วย
ในด้านแผนการดำเนินงานและการลงทุน คาเธ่ย์ แปซิฟิค ยังคงเน้นการลงทุนในฮ่องกงซึ่งเป็นศูนย์กลางการบินแห่งหนึ่งในเอเชีย และกำลังยื่นเสนอราคาเพื่อสร้างคลังสินค้าแห่งที่ 3 ของสายการบินนานาชาติฮ่องกง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของโลก
ในส่วนของบริการใหม่ๆ คาเธ่ย์ฯ ก็ได้เริ่มให้บริการเที่ยวบินระยะไกลแก่ผู้โดยสาร ทั้งสามระดับในเที่ยวบินเดียวกันด้วยนวัตกรรมการให้บริการล่าสุดที่ประกอบด้วยบริการ First Class Suites ซึ่งเป็นบริการห้องสวีทสำหรับผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาส, บริการเตียงนอนพร้อมความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจ และบริการที่นั่งที่ผ่อนคลายขึ้นสำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัด ซึ่งห้องโดยสารใหม่ทั้งสามส่วนนี้ได้ติดตั้งระบบความบันเทิงระดับสุดยอดทั้งด้านภาพและเสียงด้วย audio & video on demand ให้ผู้โดยสามารถเลือกชมและฟังสื่อบันเทิงได้ตามความต้องการ โดยบริการใหม่ที่ว่านี้มีให้บริการบนเครื่องบินโบอิ้ง 777-300ER ใหม่ทุกลำ และ Airbus A330-300 อีก 3 ลำ ในขณะที่มีอีก 10 ลำเป็นเครื่องบินที่ได้รับการปรับพื้นที่ใหม่เพื่อให้บริการใหม่นี้โดยเฉพาะซึ่งจะสมบูรณ์ภายในกลางปี 2552
บริษัท คาเธ่ย์ แปซิฟิค แอร์เวย์ จำกัด มาริสา วิวัฒนะประเสริฐโทร. 0-2263-0642 บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด พิมพกานต์ ไชยสังข์ / นารี โชคอนันตัง / ชนิดา อัพภาธรกุล / รุ่งนภา รุ่งบรรลือศักดิ์ โทร. 0-2610-2383, 0-2610-2363 โทรสาร 0-2610-2345-6

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ