กรุงเทพฯ--16 มี.ค.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. ออกหลักเกณฑ์เพื่อให้เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพสามารถเสนอขายหุ้นและหุ้นกู้แปลงสภาพต่อผู้ลงทุนในวงจำกัดได้ เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุนได้ตามความเหมาะสมและความต้องการ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกประกาศเพื่อให้เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพที่เป็นบริษัทจำกัด ซึ่งเข้าร่วมโครงการความร่วมมือระหว่าง ก.ล.ต. และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในเรื่องการส่งเสริมการระดมทุนผ่านตลาดทุนของเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ให้สามารถขายหุ้นและหุ้นกู้แปลงสภาพให้แก่ผู้ลงทุนประเภทนิติบุคคลร่วมลงทุน (VC) กิจการเงินร่วมลงทุน (PE) และผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ (angel investor) รวมทั้งสามารถเสนอขายให้แก่กรรมการและพนักงานของเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพได้ โดยไม่จำกัดจำนวนผู้ลงทุนและมูลค่าการขาย และหากเป็นเอสเอ็มอีขนาดกลาง* ให้สามารถเสนอขายต่อผู้ลงทุนรายย่อยได้ไม่เกิน 10 ราย และมูลค่าการระดมทุนรวมไม่เกิน 20 ล้านบาท โดยไม่ต้องยื่นเอกสารต่อ ก.ล.ต. แต่ต้องเปิดเผยข้อมูลสำคัญให้ผู้ลงทุนทราบก่อนการเสนอขายและให้รายงานผลการขายต่อ ก.ล.ต.
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “การออกหลักเกณฑ์ในครั้งนี้เพื่อเพิ่มทางเลือกการหาเงินทุนให้กับเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ซึ่งปัจจุบันมีถึง 518,000 ราย โดยการเปิดช่องทางการระดมทุนนี้ทำให้เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ สามารถเลือกหลักทรัพย์ที่ออกและผู้ลงทุนที่เหมาะสมกับความต้องการตามประเภทและขนาดของกิจการได้ หลักเกณฑ์นี้มุ่งเน้นการลดขั้นตอนและต้นทุนที่ไม่จำเป็น โดยยังคงดูแลคุ้มครองผู้ลงทุนในระดับที่เหมาะสม หากหลักเกณฑ์นี้มีผลใช้บังคับแล้ว เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพตามประเภทที่กล่าวจะสามารถระดมทุนได้ทันที”
การสนับสนุนเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพให้เข้าถึงทุนได้สะดวกเป็นมาตรการหนึ่งตามแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. พ.ศ. 2563-2665 ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ทั้งนี้ เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการระดมทุนผ่านตลาดทุนได้ผ่านทางเว็บไซต์ของ สสว. (www.smeone.com) หรือเข้าดูรายละเอียดได้ที่ www.sec.or.th/ โดยจะประกาศลงราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป