กรุงเทพฯ--21 พ.ค.--ออโต คอร์ป โฮลดิ้ง
ACG เตรียมแผนเปิดสาขาแห่งที่ 3 ใน จ.ภูเก็ต หลังจากประสบความสำเร็จจากการเปิดสาขาแล้วได้รับผลตอบรับดีเยี่ยม ถือเป็นสุดยอดทำเลทอง หนุนยอดขายคึกคัก ขณะที่ตั้งเป้าขยายสาขาใหม่ปีนี้ 2 แห่ง จากปัจจุบันมี 10 แห่ง พร้อมเดินหน้าธุรกิจใหม่ "ออโตคลิกบายเอซีจี" ศูนย์จำหน่ายอะไหล่รถยนต์ และให้บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ (FAST FIT) ฟาก"คุณภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มั่นใจต่อยอดธุรกิจหลัก ช่วยผลักดันการเติบโตระยะยาวอย่างยั่งยืน และเตรียมยื่นขอย้ายหุ้นเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เร็วๆนี้
นายภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ACG เปิดเผยว่าแผนการขยายสาขาของบริษัทฯในปีนี้ตั้งเป้าจะเปิดอีกจำนวน 2 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 10 แห่ง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมการขยายสาขาใหม่ที่จังหวัด ภูเก็ต ซึ่งเป็นแห่งที่ 3 และถือว่าเป็นพื้นที่ทำเลทอง หลังประสบความสำเร็จจากการเปิดสาขาไปแล้ว 2 แห่ง ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังเตรียมเปิดเพิ่มอีกหนึ่งแห่งในพื้นที่เกรด A เพื่อขยายฐานลูกค้า ไปทั่วภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งตามแผนงานบริษัทฯ ตั้งเป้าเปิดสาขาให้ครบ 15 แห่งทั่วประเทศ ภายในปี 2565
"บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายสาขาเพิ่ม แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะชะลอตัว เนื่องจากประเมินว่าความต้องการใช้รถยนต์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกันการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของHONDA ซึ่ง ACG ในฐานะตัวแทนดีลเลอร์ จะได้รับประโยชน์ทั้งในแง่ของยอดขายรถยนต์ และค่าบริการอย่างต่อเนื่อง" นายภานุมาศกล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวต่อว่าแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2563 บริษัทฯ คาดว่ารายได้จะเติบโตมากกว่า 10% จากปี 2562 เนื่องจากจะได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น จากการรับรู้รายได้สาขาใหม่ ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี ดังนั้นจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างเตรียมการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ บริษัท ออโตคลิกบายเอซีจี จำกัด (Autoclik By ACG Co.,Ltd.) ภายในไตรมาส 3/2563 เพื่อดำเนินธุรกิจการจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ และการให้บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ (FAST FIT) โดยมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ดังกล่าวจะเป็นธุรกิจใหม่ที่สามารถต่อยอดจากธุรกิจเดิมได้เป็นอย่างดี และจะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต รวมทั้งจะดำเนินการเร่งพัฒนาระบบเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้กับการให้บริการ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการกับลูกค้ามากขึ้น สร้างความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการ และทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการกับบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัทฯจะขอย้ายหลักทรัพย์จดทะเบียนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยขณะนี้มีคุณสมบัติเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดอยู่แล้ว ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง ลดข้อจำกัดในการเข้าลงทุนของนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเป็นการช่วยเพิ่มเสถียรภาพให้กับบริษัทและหุ้นของบริษัทมากขึ้น