กรุงเทพฯ--18 มี.ค.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
สหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ฝาง จำกัด เชื่อมโยงตลาดกับเอกชนรับซื้อผลผลิตหอมหัวใหญ่ของสมาชิก ใช้สหกรณ์เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมและกระจายผลผลิตออกสู่ตลาด ช่วยพยุงราคาผลผลิต สมาชิกและเกษตรกรพึงพอใจให้ราคาดี สร้างรายได้
นายสุดเขตร ชาติพันธ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมสหกรณ์พื้นที่ 6 อำเภอฝาง สำนักงานสหกรณ์จังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงาน พร้อมทั้งให้กำลังใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่สหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ฝาง จำกัด ในการเปิดจุดรวบรวมและจำหน่ายผลผลิตหอมหัวใหญ่ของสมาชิกสหกกรณ์และเกษตรกรในพื้นที่อำเภอฝาง โดยสหกรณ์ฯ ดำเนินการเปิดจุดรวบรวมและจำหน่ายผลผลิตหอมหัวใหญ่ปีการผลิต 2562/63 ซึ่งมีการเชื่อมโยงการตลาดกับผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งผู้ประกอบการในท้องถิ่น มีสมาชิกและเกษตรกรในพื้นที่จำนวนกว่า 2,373 ราย มีพื้นที่เพาะปลูกจำนวน 2,847 ไร่ ซึ่งปัจจุบันได้มีผลผลิตจำหน่ายออกสู่ตลาดไปแล้วกว่า 15,943,200 กิโลกรัม คิดเป็น 80% ของผลผลิตทั้งหมด ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 7,000 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 8 บาท รวมมูลค่า 127,545,600 บาท เมื่อคำนวณต้นทุนการผลิตต่อไร่ เทียบกับราคาต่อหน่วย จะเห็นว่าสหกรณ์ฯ สามารถเชื่อมโยงตลาดกับผู้ประกอบการเข้ามารับซื้อผลผลิตของสมาชิกในราคาที่เป็นธรรมตามกลไกการตลาด ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และคาดว่าในปีนี้ผลผลิตจะออกสู่ตลาดประมาณ 19,929,000 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 159,432,000 บาท โดยได้ส่งจำหน่ายผลผลิตทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ ประเทศศรีลังกา อินเดีย และอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ สหกรณ์ฯ ได้ดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือสมาชิกและเกษตรกรในพื้นที่ จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการรับซื้อผลผลิตจากสมาชิกเป็นการช่วยเหลือรับซื้อผลผลิตราคาสูงจากสมาชิกเพื่อรวบรวมเข้าห้องเย็นของสหกรณ์ ราคารับซื้อผลผลิต 10 บาท/กิโลกรัม ปริมาณรวบรวมตั้งแต่วันที่ 2 - 12 มีนาคม 2563 สามารถรวบรวมผลผลิตจำนวน 79,999 กิโลกรัม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 799,990 บาท โครงการรวมกันขายเพื่อเป็นการช่วยเหลือสมาชิกและเกษตรกรในพื้นที่ในการรับฝากผลผลิตหอมหัวใหญ่เข้าห้องเย็นของ สหกรณ์เพื่อให้สมาชิกได้รวบรวมผลผลิตของตนเองเก็บไว้เพื่อจำหน่ายนอกฤดูการเก็บเกี่ยว จำนวนผลผลิตที่รับฝากแล้ว จำนวน 33,000 กิโลกรัม และโครงการซื้อผ่าน ร่วมกับ บริษัท ซี ที เฟรซ จำกัด (เจียไต๋) ซึ่งสหกรณ์ฯได้ทำการเชื่อมโยงตลาด โดยให้สมาชิกและเกษตรกรนำผลผลิตมาจำหน่ายให้กับสหกรณ์ ณ จุดรวบรวมผลผลิตของสหกรณ์เพื่อเป็นศูนย์กลางในการกระจายผลผลิตอีกช่องทางหนึ่ง โดยสหกรณ์รับซื้อในราคา 9.60 บาท/กิโลกรัม จำหน่ายผลผลิตแล้วจำนวน 85,550 กิโลกรัม รวมมูลค่า 821,280 บาท โดยคิดต้นทุนการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 6.50 บาท/กิโลกรัม จะเห็นได้ว่าสหกรณ์ได้ดำเนินงานช่วยเหลือสมาชิกและเกษตรกรในพื้นที่ในการเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมและกระจาย ผลผลิตออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว และยังช่วยในการพยุงราคาผลผลิตให้เป็นไปตามกลไกราคาตามท้องตลาด ทำให้สมาชิกและเกษตรกรพึงพอใจและสร้างรายได้คืนสู่เกษตรกรในพื้นที่เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าผลผลิตที่เหลืออีกประมาณ 20% หรือประมาณ 3,985,800 กิโลกรัม จะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2563