กรุงเทพฯ--18 มี.ค.--กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง
บอร์ด “กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง” ไฟเขียวเปิดโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) ครั้งที่ 2 วงเงินไม่เกิน 1,100 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง วันที่ 30 กันยายน2563 หลังราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่าพื้นฐาน ฟาก“โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มั่นใจศักยภาพธุรกิจมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง จากงานในมือที่มีอยู่เพียบ และเตรียมประมูลเพิ่ม เชื่อเดินหน้าซื้อหุ้นคืนจะช่วยทำให้ราคาหุ้นสอดคล้องปัจจัยพื้นฐานและสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนเพิ่มขึ้น
นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2563 มีมติให้บริษัทเปิดโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (TreasuryStock) ครั้งที่ 2 โดยจะดำเนินการซื้อหุ้นคืนสูงสุดไม่เกิน 440,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาทจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนคิดเป็น 5 % ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดคิดเป็นวงเงินซื้อคืนไม่เกิน 1,100 ล้านบาท กำหนดระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-วันที่ 30 กันยายน 2563 (ทั้งนี้เมื่อรวมหุ้นทุนซื้อคืนจริงในครั้งที่ 1 ที่บริษัทฯซื้อคืนมาในช่วงระหว่าง 24 เมษายน 2561ถึงวันที่ 22 ตุลาคม 2561 จำนวน 99,043,700 หุ้น กับจำนวนหุ้นที่จะซื้อสูงสุดไม่เกิน 440,000,000 หุ้น ตามมติที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทในครั้งนี้ จะเท่ากับ 539,043,700 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 6.14)
“บอร์ด GUNKULประเมินแล้วว่า ณ จุดนี้ราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงของบริษัทซึ่งเป็นผลจากภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯปรับตัวลดลงเนื่องจากมีปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดหนักของไวรัส COVID-19 ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลจึงเทขายหุ้นออกมา ส่งผลทำให้หุ้น GUNKUL ได้รับผลกระทบตามไปด้วย บริษัทจึงตัดสินใจเข้าโครงการซื้อหุ้นคืนซึ่งบริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนจากสภาพคล่องส่วนเกินและจะไม่มีผลกระทบกับการเงินของบริษัทแต่อย่างใด” นางสาวโศภชากล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่าการซื้อหุ้นคืนจะทำให้อัตราส่วนทางการเงินดีขึ้นยังเป็นการแสดงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯรวมถึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งบริษัทฯ ขอให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนมั่นใจ ผลประกอบการของและอย่าตื่นตระหนกกับปัจจัยภายนอกและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะไม่ได้มีผลกระทบกับผลประกอบการและรายได้ของบริษัทแต่อย่างใด ทั้งนี้ บริษัทฯ พร้อมที่จะเข้าดูแลด้วยกลไกที่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ฯทุกประการ
ทั้งนี้บริษัทฯมีความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของธุรกิจพลังงานทดแทนที่บริษัทดำเนินการอยู่โดยที่ผ่านมาธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความมั่นคงมากขึ้นจากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศรวมถึงหางานใหม่ๆ เพิ่มเติม
ปัจจุบันบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA)รวม 650 เมกะวัตต์และสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้แล้ว 437 เมกะวัตต์ ทำให้มั่นใจว่ารายได้รวมปีนี้จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า9,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 25%
อย่างไรก็ตามจากการที่คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดปี 2562 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.136บาท และจะมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 21 เมษายน 2563 โดยบริษัทฯ ได้กำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฎณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 29เมษายน 2563 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD)วันที่ 28 เมษายน 2563 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563