กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ถือเป็นความท้าทายที่ทั่วโลกจะต้องก้าวข้ามไปด้วยกัน โดยเฉพาะการปรับตัวขององค์กร และสถานศึกษา ในการทำงานและเรียนท่ามกลางภาวะวิกฤตให้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น เห็นได้จากองค์กร และสถาบันศึกษาต่างก็ออกมาตรการที่อำนวยความสะดวกให้การทำงานและการเรียนสามารถดำเนินต่อไปได้ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งนอกจากการออกมาตรการปฏิบัติที่ชัดเจน ยืดหยุ่นต่อการทำงาน การเรียนการสอนที่ต้องพบปะกันซึ่งหน้า นำมาซึ่งความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสแล้วการที่องค์กร และสถาบันศึกษาที่มีองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง และรู้จักดึงเอาองค์ความรู้เหล่านั้นมาใช้ก็ถือเป็นอีกอาวุธสำคัญที่สามารถนำมาใช้สู้ภัยวิกฤต หรือโควิด-19 ได้
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า สจล. มีความมุ่งมั่นที่จะนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงองค์ความรู้ด้านต่างๆ มาสร้างสรรค์นวัตกรรม ซึ่งคณาจารย์ และนักศึกษา สจล. หวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำพาสังคมก้าวผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อีกทั้งเล็งเห็นว่าวิกฤตดังกล่าวเป็นโอกาสที่ทุกหน่วยงาน สถาบันการศึกษา จะได้ทบทวนองค์ความรู้ ความพร้อมในการบริหารความเสี่ยง ตลอดจนดึงเอาเครื่องมือต่างๆ ที่มีอยู่ออกมาใช้ได้อย่างเหมาะสม เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันในการรับมือกับวิกฤตอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มต้นขึ้นในประเทศไทย สจล. ได้เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนเป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้งเพื่อช่วยเหลือองค์กรภายนอก และสถาบันศึกษาอื่นๆ ภายใต้โครงการ 60 ปี พระจอมเกล้าลาดกระบัง ไร้ขีดจำกัด (KMITL 60th Year: Go Beyond the Limit) โดย สจล. ได้ส่งนวัตกรรมที่พร้อมดิสรัปต์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้แก่
ประตูสแกนอุณหภูมิระบบ AI คัดกรองแม่นยำ พร้อมระบบพ่นละอองน้ำยาฆ่าเชื้ออัตโนมัติ นวัตกรรมล่าสุดที่ สจล. ได้คิดค้นขึ้น เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 คือ นวัตกรรมประตูสแกนอุณหภูมิระบบ AI พร้อมด้วยระบบพ่นละอองน้ำยาฆ่าเชื้ออัตโนมัติ โดย สจล. พัฒนาเครื่องมือดังกล่าวขึ้นเพื่อคัดกรองบุคคลและพ่นละอองน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนเข้าหรือออกจากสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก เช่น สนามบิน โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น อีกทั้งการคัดกรองด้วยระบบ AI จะช่วยลดความเสี่ยงในการใช้คนตรวจ ซึ่งอาจเกิดการแพร่เชื้อระหว่างผู้ใช้งานและผู้คัดกรองได้ ทั้งนี้ วิทยาลัยอุตสาหกรรมการบิน สจล. ได้นำร่องใช้งานนวัตกรรมดังกล่าวเพื่อคัดกรองบุคคลก่อนเข้าอาคาร และพร้อมต่อยอดนวัตกรรมดังกล่าวให้เป็นประโยชน์ในวงกว้างGo Gel - สเปรย์ เจลแอลกอฮอล์พกพา ป้องกันเชื้อโรค ผลงานสเปรย์ และเจลแอลกอฮอล์พกพา โดยทีมคณาจารย์ นักศึกษา และอาสาสมัครจากคณะต่างๆ ของ สจล. ร่วมกันผลิตขึ้นเพื่อมอบให้บุคลากร นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ใช้ทำความสะอาดมือ ป้องกันความเสี่ยงจากเชื้อโรค โดยสเปรย์ และเจลแอลกอฮอล์ดังกล่าวเป็นสูตรที่ใช้ง่าย อ่อนโยน ไม่เหนียวเหนอะหนะ แต่ยังคงประสิทธิภาพการป้องกันได้อย่างดี และสะดวกในการพกพา เหมาะสำหรับทำความสะอาดมือในคราวจำเป็นที่ไม่สามารถหาที่ล้างมือได้อย่างสะดวก เพื่อช่วยป้องกันเชื้อโรค เสริมสร้างสุขลักษณะที่ดี โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอรับสเปรย์แอลกอออล์ได้ที่ชั้น 1 สำนักงานอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)โมเดลคลาสเรียนออนไลน์ ดิสรัปต์โควิด-19 ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่รุนแรงมากขึ้น หลายมหาวิทยาลัยได้ออกมาตรการยุติการเรียนการสอนในชั้นเรียน และเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์ทันที ซึ่ง สจล. มีความพร้อมในการปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าว เนื่องจากมีองค์ความรู้ในการทำโมเดลคลาสเรียนออนไลน์ โดยมีหลักการคือ องค์ความรู้ในการเรียนการสอนต้องครบถ้วนเหมือนการเรียนในชั้นเรียน แต่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงในการพบปะกัน และอาจเกิดการแพร่ระบาดของไวรัส โดยอาจารย์ผู้สอนสามารถเลือกประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มการสอนที่เหมาะสม อาทิ Facebook Broadcast, Microsoft Team, Google Classroom หรือ Moodle ตามความสะดวกของผู้เรียน และเครื่องมือการจัดการสอนที่ผู้สอนใช้ อีกทั้ง สจล. ได้ตั้งทีมงานให้ความรู้ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการสอนคลาสออนไลน์ให้แก่ทุกคณะในมหาวิทยาลัย รวมถึงหน่วยงาน และภาคการศึกษาต่างๆ ที่สนใจนำโมเดลดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ เพื่อให้การเรียนหรือทำงานจากที่บ้าน (work / study from home) มีประสิทธิภาพสูงสุด
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เสริมศักดิ์ อยู่เย็น คณบดีวิทยาลัยอุตสาหกรรมการบินนานาชาติ สจล. กล่าวเพิ่มว่า วิทยาลัยอุตสาหกรรมการบินนานาชาติ สจล. ร่วมกับ ห้องวิจัยอิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และ Thai Echo Group พัฒนานวัตกรรมประตูสแกนอุณหภูมิระบบ AI พร้อมระบบพ่นละอองน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อต่อยอดการคัดกรองบุคคลก่อนเข้าอาคารให้มีความแม่นยำยิ่งขึ้น โดยนวัตกรรมดังกล่าวมีหลักการทำงาน 3 ข้อ ได้แก่ 1) การตรวจวัดอุณหภูมิด้วยระบบ AI โดยระบบจะตรวจจับจุดที่อุณหภูมิสูงสุดบนใบหน้าเพื่อความแม่นยำ โดยใช้เวลาในการตรวจวัดอุณหภูมิเพียง 5 วินาที โดยมีระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนจะเป็นสีแดง สีเหลือง สีเขียว พร้อมรายงานผลอุณหภูมิของแต่ละคนแบบเรียลไทม์ ซึ่งผู้ที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.5 องศา จะมีสัญญาณแจ้งเตือนดังขึ้น เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์นำตัวบุคคลดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรคเพิ่มเติม 2) ระบบพ่นละอองน้ำยาฆ่าเชื้อ ผู้ที่ผ่านการคัดกรอง หรือมีอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่า 37.5 องศา จะสามารถผ่านไปยังจุดพ่นละอองน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยน้ำยาฆ่าเชื้อดังกล่าวสามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้มากกว่า 95% และเป็นน้ำยาที่ใช้ในโรงพยาบาล จึงมีความปลอดภัยในการใช้งาน และเมื่อผู้ใช้งานผ่านจุดพ่นละอองน้ำยาฆ่าเชื้ออัตโนมัติทั่วร่างกายเป็นเวลา 10 วินาทีแล้ว จึงสามารถผ่านประตูทางเข้าได้ 3) ระบบการทำงานรวดเร็วและอัตโนมัติ กระบวนการคัดกรองและฉีดพ่นละอองน้ำยาฆ่าเชื้อทั้งหมด ของประตูสแกนอุณหภูมิ AI ใช้เวลาไม่เกิน 15 วินาที อีกทั้งไม่ใช้คนในการคัดกรอง ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อระหว่างผู้คัดกรองและผู้ใช้งาน
ทั้งนี้ สจล. มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมต่างๆ เพื่อช่วยสังคมก้าวผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ภายใต้โครงการ 60 ปี พระจอมเกล้าลาดกระบัง ไร้ขีดจำกัด (KMITL 60th Year: Go Beyond the Limit) สำหรับหน่วยงานที่สนใจนวัตกรรมต่างๆ ของ สจล. ก็พร้อมที่จะร่วมมือในการต่อยอดทั้งในด้านวิชาการ และเชิงพาณิชย์ ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารงานทั่วไปและประชาสัมพันธ์ สจล. โทรศัพท์ 02-329-8111 เฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/kmitlofficial หรือเว็บไซต์ www.kmitl.ac.th