กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--บลจ.กสิกรไทย
นายวศิน
วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด
(บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) ได้ออกแถลงข่าวเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2563
ที่ผ่านมา โดยสรุปให้มีมาตรการเสริมสภาพคล่องของตลาดการเงิน เพื่อช่วยให้กลไกตลาดตราสารหนี้กลับมาทำงานได้อย่างปกติท่ามกลางภาวะตลาดการเงินโลกที่ผันผวนนั้น
บลจ.กสิกรไทย ขอยืนยันว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กสิกรไทย
มีการจัดสรรเงินลงทุนที่ดี ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยทุกกองทุนเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี
และมีสภาพคล่องสูง อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทย
จะไม่มีการปิดรับคำสั่งซื้อหรือขายคืนหน่วยลงทุน หรือ ยืดวันชำระเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนกองทุนรวมตราสารหนี้
และพร้อมอำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุนทุกท่านอย่างเต็มที่เช่นเดิม ทั้งนี้
เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการเสริมสภาพคล่องของตลาดการเงินใน 3 ด้าน ดังนี้
1. สร้างเสถียรภาพด้านราคาของตลาดตราสารหนี้เอกชน ธนาคารแห่งประไทศไทยอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) และกองทุนรวมตราสารหนี้ที่สามารถเปิดให้ทำการซื้อขายได้ทุกวันทำการ (Daily Fixed Income Fund) ซึ่งได้ลงทุนไว้ในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดี ซึ่งเป็นมาตรการที่จะช่วยลดแรงกดดันจากการเร่งขายคืนกองทุนตราสารหนี้และนำไปสู่การลดแรงกดดันด้านราคาในตลาดตราสารหนี้ที่มีสภาพคล่องบางเบาเช่นปัจจุบัน และนำมาสู่เสถียรภาพด้านราคาตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนในที่สุด อีกทั้งเพื่อลดภาระของธนาคารพาณิชย์ด้านสภาพคล่อง ธนาคารแห่งประเทศไทยก็อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถนำหน่วยลงทุนที่เข้าเงื่อนไขสามารถไปวางเป็นหลักประกันทำธุรกรรมซื้อคืน (Repurchase Agreement-Repo) กับธนาคารแห่งประเทศไทยได้อีกด้วย
2. ลดการเกิดการผิดนัดชำระหนี้ตราสารหนี้ภาคเอกชน ธนาคารแห่งประเทศไทย จะจัดตั้งกองทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องตราสารหนี้เอกชน รองรับตราสารหนี้เอกชนออกใหม่ที่มีคุณภาพดีให้สามารถต่ออายุ (Roll Over) ต่อไปได้ และช่วยลดความเสี่ยงในการไม่สามารถชำระหนี้ได้ (Default Risk) ของตราสารหนี้ดังกล่าว
3. สร้างเสถียรภาพด้านราคาแก่ตลาดพันธบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย จะดูแลตลาดพันธบัตรให้มีเสถียรภาพอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เพื่อเสถียรภาพโดยรวมของระบบ
นายวศินกล่าวต่อไปว่า
สำหรับมาตรการสนับสนุนสภาพคล่องของกองทุนรวมตราสารหนี้ผ่านธนาคารพาณิชย์ที่เข้าซื้อหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมตลาดเงิน
(Money Market Fund) และกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เป็นกองทุนเปิด
(Daily Fixed Income Fund) ที่ถือสินทรัพย์คุณภาพดี
แต่ได้รับผลกระทบจากการที่ตลาดการเงินขาดสภาพคล่อง
สามารถนำหน่วยลงทุนดังกล่าวมาวางเป็นหลักประกัน เพื่อขอสภาพคล่องจากธนาคารแห่งประเทศไทยได้กว่าหนึ่งล้านล้านบาทนั้น
กองทุนภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กสิกรไทย
ล้วนมีคุณสมบัติอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการสนับสนุนจากมาตรการดังกล่าวของธนาคารแห่งประเทศไทยทุกประการ
“ผมขอให้ความมั่นใจแก่ผู้ลงทุนทุกท่านว่า
ผู้จัดการกองทุนรวมตราสารหนี้ของ บลจ.กสิกรไทย มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการบริหารตราสารหนี้มาอย่างยาวนาน
โดยกองทุนรวมตราสารหนี้ของ บลจ.กสิกรไทย ทุกกองทุน ไม่เคยมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้
(Default) และมีการกระจายการลงทุนไปในตราสารหนี้หลากหลายประเภท
เพื่อไม่ให้กระจุกตัวในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมากจนเกินไป นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิต
โดยเลือกลงทุนในหุ้นกู้เอกชนเฉพาะตราสารที่ผู้ออกมีความมั่นคงสูงเท่านั้น ทั้งนี้ ในส่วนของการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศจะพิจารณาลงทุนในเงินฝากของธนาคารขนาดใหญ่
ซึ่งจะมีความเสี่ยงด้านเครดิตในวงจำกัด อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนเช่นนี้
ผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาปรับพอร์ตการลงทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการเพิ่มการถือครองเงินสดให้มากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง
รวมถึงหาโอกาสในการลงทุนจากตราสารหนี้คุณภาพดีที่ถูกเทขายออกมาในตลาด
อีกทั้งจะปรับลดสัดส่วนหุ้นกู้เอกชนลงเล็กน้อย และเมื่อเงินฝากธนาคารต่างประเทศครบกำหนดอาจจะเปลี่ยนมาลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ”
นายวศินกล่าว
นายวศินกล่าวเพิ่มเติมว่า
บลจ.กสิกรไทย ขอขอบพระคุณลูกค้าผู้ลงทุนทุกท่านที่ได้ให้ความไว้วางใจ
และเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทด้วยดีเสมอมา และขอยืนยันว่า บลจ.กสิกรไทย
จะบริหารจัดการกองทุนโดยยึดผลประโยชน์ของลูกค้าผู้ลงทุนเป็นที่ตั้งภายใต้ทุกสถานการณ์ความผันผวน
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า
เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน