กรุงเทพฯ--26 มี.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานจากอิทธิพลกระแสลมตะวันตกระดับบนเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีหย่อมความกดอากาศต่ำ เนื่องจากความร้อนปกคลุมรวมถึงลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ได้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคกลางทำให้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง 15 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลกเพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์ เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด นครพนมขอนแก่น นครราชสีมา ยโสธร อุบลราชธานี และชลบุรี รวม 47 อำเภอ 101 ตำบล 369 หมู่บ้าน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว
นายมณฑลสุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลกระแสลมตะวันตกระดับบนเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีหย่อมความกดอากาศต่ำ เนื่องจากความร้อนปกคลุมรวมถึงลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ได้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคกลางทำให้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ทำให้ในช่วงวันที่20 มีนาคม 2563 – ปัจจุบัน (26 มี.ค.63) มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง 15 จังหวัด ได้แก่พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์ เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ดนครพนม ขอนแก่น นครราชสีมา ยโสธร อุบลราชธานี และชลบุรี รวม 47 อำเภอ 101 ตำบล 369หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย1,857 หลังวัด 4 แห่ง ผู้บาดเจ็บ 4 ราย และผู้เสียชีวิต 6 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วทุกจังหวัดทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นโดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยรวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหายเพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้างหรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสมอีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบและหลักเกณฑที่กำหนดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป