กรุงเทพฯ--12 มี.ค.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
MFEC ลั่นปีนี้ปรับแนวรบใหม่ เน้นนโยบายรับงานมาร์จิ้นสูง เพิ่มบริการใหม่ที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น “ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร”เผยยังมีช่องโตในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมมุ่งเป้าเจาะลูกค้ากลุ่มแบงก์-สื่อสารเป็นหลัก เหตุมีงบลงทุนด้านไอทีมหาศาล มั่นใจหนุนผลงานขยายตัวประมาณ 20-30% ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 3 ปี ขณะปี 2550 ผลงานยอดเยี่ยมมีกำไรสุทธิ 127.32 ลบ. เพิ่มขึ้น 27% จากปีก่อน คุยเป็นผลจากการมุ่งรับงานที่มีมาร์จิ้นสูง มากกว่าจะเน้นเพิ่มรายได้แต่เพียงอย่างเดียว ด้าน บอร์ดใจดีอนุมัติปันผลทันควันหุ้นละ 0.50 บาท
นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน)(MFEC) เปิดเผยถึงแผนการขยายธุรกิจในปี 2551 ว่า มีเป้าหมายผลักดันผลประกอบการให้เติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปี 2550 ถึงแม้คาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะยังชะลอตัวไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา โดยได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของผลประกอบการไว้ที่ระดับ 20-30% เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่เติบโตจากปีก่อนประมาณ 27% และเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ MFEC จึงได้ปรับแผนการพัฒนาบุคลากร และกลยุทธ์การขยายธุรกิจครั้งสำคัญ โดยจะเน้นสร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในตลาด มุ่งพัฒนาการให้บริการที่ครบวงจรมากขึ้น ในลักษณะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเข้าไปเป็นที่ปรึกษาและรับประกันความสำเร็จของโครงการ แทนการขายซอฟต์แวร์แต่เพียงอย่างเดียวเหมือนเช่นในอดีต เนื่องจากพบว่ายังเป็นช่องว่างที่สามารถสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวและผู้ประกอบการต้องการให้โครงการที่ลงทุนความสำเร็จค่อนข้างแน่นอน
"ในปีนี้หลังจากที่ได้พูดคุยกับผู้ประกอบการในตลาดหลายรายพบว่า ส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนและวางเป้าหมายการเติบโตแบบ Conservative เราจึงหันมาปรับกลยุทธ์การขยายธุรกิจใหม่เน้นการเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะนอกจากจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการขยายส่วนแบ่งทางการตลาดให้เติบโตเพิ่มขึ้นด้วย และเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ จึงปรับการให้บริการใหม่ เน้นเป็นพาร์ทเนอร์ ที่มุ่งเป้าที่ความสำเร็จของโครงการร่วมกับเจ้าของโครงการ เพราะเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมาการลงทุนในโครงการ IT พบว่ากว่า 40% ที่ไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้นถ้าปรับกลยุทธ์หันมารับรองความสำเร็จของโครงการก็เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี"
นายศิริวัฒน์กล่าวอีกว่า การปรับเป้าหมายการให้บริการโดยมุ่งที่ความสำเร็จของโครงการ แทนการขายซอฟต์แวร์แต่เพียงอย่างเดียว จะให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงตามไปด้วย ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจของบริษัทฯ ที่จะเน้นงานโครงการที่มีกำไรขั้นต้นในอัตราสูง มากกว่าจะเน้นที่รายได้แต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ MFEC ประสบความสำเร็จมาแล้วเป็นอย่างดีในปี 2550 ที่ผ่านมา และในปีนี้จะสานต่อนโยบายดังกล่าวต่อไป ควบคู่กับการมุ่งขยายฐานลูกค้าทั้งแนวกว้างและแนวลึก โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มสื่อสารและธนาคาร เนื่องจากเป็นธุรกิจที่จำเป็นต้องลงทุนในระบบไอทีอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และการแข่งขันที่รุนแรงที่เกิดขึ้นในอนาคต ประกอบกับในแต่ละปีทั้งสองธุรกิจมีงบประมาณในการลงทุนด้านไอทีเป็นจำนวนมากกว่าปีละหมื่นล้านบาท ดังนั้นหากสามารถเข้าไปรับงานอย่างต่อเนื่องได้ จะทำให้บริษัทฯสามารถเติบโตได้ในอัตราปีละ 20-30% อย่างน้อย 3 ปี ติดต่อกัน
เขากล่าวอีกว่า นอกเหนือจากการปรับรูปแบบการให้บริการทางธุรกิจแล้ว บริษัทฯยังได้เตรียมเพิ่มสินค้าที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ มาให้บริการลูกค้าเพิ่มขึ้น เพิ่มฐานลูกค้าด้วยการมุ่งเจาะลูกค้าในหลากหลายธุรกิจมากขึ้น และเพิ่มฐานลูกค้าเชิงลึกด้วยการมุ่งเจาะลูกค้าในระดับ TOP 5 ในทุกอุตสาหกรรม และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาใช้แทนของเดิม เพื่อให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า ในขณะที่ภายในบริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมไว้ทั้งบุคลากรและวิธีการทำงานในรูปแบบใหม่ เพื่อให้รับมือกับการขยายธุรกิจได้อย่างคล่องตัว ซึ่งเชื่อว่าการปรับตัวของ MFEC ในครั้งนี้จะทำให้สามารถผลักดันผลประกอบการในปี 2551 ให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 มีงานในมือ (Backlog) รอรับรู้เป็นรายได้แล้วประมาณ 1,020 ล้านบาท จะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ทั้งหมด และในแต่ละปีมีเป้าหมายจะรักษา Backlog ให้อยู่ในระดับ 1,000-1,200 ลบ. เพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว
ทั้งนี้ บริษัทฯ รายงานผลประกอบการในปี 2550 ว่า มีกำไรสุทธิ 127.32 ลบ. ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีกำไร 100 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัว 27% ถึงแม้ว่าในปี 2550 จะมีรายได้ 2,398.41 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำได้ 2,392.63 ล้านบาท เนื่องจากในปีที่ผ่านมาบริษัทเน้นรับงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง ประกอบกับประสบผลสำเร็จในการควบคุมต้นทุนของงานแต่ละโครงการ ทำให้ต้นทุนขายลดลงและกำไรสุทธิเติบโตขึ้นได้แม้ว่ารายได้จะใกล้เคียงกับปีก่อนก็ตาม
ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการ MFEC จึงมีมติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทงวดปี 2550ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม 2551 และกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2551
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม จุฬารัตน์ เจริญภักดี 089-4888337 / 02-5549395