กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--ราช กรุ๊ป
บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“ราช กรุ๊ป”) ประกาศความร่วมมือกับบริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) (“นวนคร”) และบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (“พีอีเอ เอ็นคอม”) ในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าประเภทผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (Independent Power Supply หรือ IPS) ระบบโคเจนเนอเรชั่น กำลังการผลิต 40 เมกะวัตต์ มูลค่าประมาณ 2,176 ล้านบาท ทั้งนี้ ทั้งสามฝ่ายได้ลงนามสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนสำหรับดำเนินงานโครงการเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยราช กรุ๊ป ถือหุ้นร้อยละ 40 นวนคร และ พีอีเอ เอ็นคอม ถือหุ้นร้อยละ 35 และ 25 ตามลำดับ
นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการนี้ได้พัฒนาขึ้นในรูปแบบของผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (Independent Power Supply หรือ IPS) ประเภทโคเจนเนอเรชั่น โดยมีเป้าหมายผลิตไฟฟ้าและไอน้ำจำหน่ายตรงให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าในเขตประกอบการอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดนครราชสีมา โดยเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โครงการนี้จะช่วยเสริมระบบไฟฟ้าซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานที่สำคัญต่อการ ผลิตของภาคอุตสาหกรรมให้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนกรกฎาคม 2566
“โครงการประเภท IPS เป็นโอกาสการลงทุนที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากการส่งเสริมของภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามนโยบายประเทศไทย 4.0 สำหรับที่ตั้งโครงการ IPS แห่งนี้นับว่ามีศักยภาพสูงมาก โดยเป็นที่ตั้งฐานการผลิตของบริษัทระดับโลกจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นโครงการที่ 2 ต่อจากโครงการโรงผลิตไฟฟ้านวนคร ที่ตั้งอยู่ในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี ที่บริษัทฯ ได้จับมือกับพันธมิตรที่เข้มแข็งและเชี่ยวชาญการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอย่าง บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) อีกครั้ง รวมทั้งได้เริ่มความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ คือ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจการลงทุนด้านพลังงานไฟฟ้าในเครือของ กฟภ. เราเชื่อมั่นว่า ผู้ร่วมทุนทั้ง 3 ฝ่ายจะสานต่อความร่วมมือไปสู่การลงทุนในอนาคตต่อไป” นายกิจจา กล่าว
ในปี 2563 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายขยายกำลังการผลิตในธุรกิจผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 780 เมกะวัตต์ และโครงการ IPS แห่งนี้เป็นหนึ่งในโครงการที่อยู่ในเป้าหมายการลงทุนในปีนี้ เช่นเดียวกับโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก เน็กส์ซิฟ กำลังการผลิตติดตั้ง 92 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดระยอง ซึ่งบริษัทฯ ได้ลงทุนซื้อหุ้นร้อยละ 49 แล้วเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา