![บอร์ด คปภ. ไฟเขียวเพิ่มมาตราการด้านการประกันภัย รับมือสถานการณ์ฉุกเฉินจากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19]()
กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ
ประกันภัย
ดร.
สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ
ประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ
ประกันภัย (บอร์ด คปภ.) ครั้งที่ 4/2563 เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2563 ที่มีนาย
ประสงค์ พูนธเนศ ปลัด
กระทรวงการคลัง เป็นประธานฯ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการด้านการ
ประกันภัยเพิ่มเติมตามที่สำนักงาน คปภ. เสนอเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด–19) ดังนี้
1. เห็นชอบร่างประกาศ คปภ. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเก็บเบี้ย
ประกันภัยสำหรับรถยนต์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2563 โดยผ่อนผันให้บริษัท
ประกันภัยเรียกเก็บเบี้ย
ประกันภัยได้ ภายใน 6 เดือน สำหรับรถยนต์นั่งในกลุ่ม 3-5 ที่จัดทำกรมธรรม์
ประกันภัยรถยนต์ทุกประเภท ซึ่งจะทำให้บริษัท
ประกันภัยสามารถอนุญาตให้ผู้เอา
ประกันภัยผ่อนชำระค่าเบี้ย
ประกันภัยรถได้
2. เห็นชอบร่างประกาศ คปภ. เรื่อง กำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันชีวิต/บริษัทประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2563 โดยการกำหนดค่าความเสี่ยงสำหรับการลงทุนในกองทุนเสริมสภาพคล่องเพื่อลดความเสี่ยงของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนของบริษัท
ประกันภัย ได้แก่ การกำหนดค่าความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยด้านปัจจัยเฉพาะของผู้ออกตราสาร การกำหนดค่าความเสี่ยงด้านเครดิต และยกเว้นมูลค่าเงินลงทุน ของการลงทุนในกองทุนเสริมสภาพคล่องเพื่อลดความเสี่ยงของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนในส่วนที่เป็นตราสารหนี้ ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนเสถียรภาพตลาดการเงินไทย
3. เห็นชอบร่างประกาศ คปภ. เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการออก การเสนอขายกรมธรรม์
ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต/วินาศภัย และการปฏิบัติหน้าที่ของตัวแทนประกันชีวิต/วินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต/วินาศภัย และธนาคาร ในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
โควิด-19 เพื่อให้สำนักงานมีอำนาจในการกำหนดหลักเกณฑ์การขายประกันที่แตกต่างกับหลักเกณฑ์ที่ใช้อยู่ในประกาศฯ ปัจจุบัน ในกรณีจำเป็นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด–19
4. เห็นชอบร่างประกาศ คปภ. เรื่อง การผ่อนผันระยะเวลาการนำส่งเงินสมทบของบริษัทประกันวินาศภัยและบริษัทประกันชีวิต สำหรับปี 2563 โดยผ่อนผันระยะเวลาการนำส่งเงินสมทบของบริษัท
ประกันภัย สำหรับปี 2563 ดังนี้ (1) เงินสมทบไตรมาส 1 จากเดิมครบกำหนดวันที่ 30 เมษายน 2563 เป็น วันที่ 30 มิถุนายน 2563 (2) เงินสมทบไตรมาส 2 จากเดิมครบกำหนดวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 เป็นวันที่ 30 กันยายน 2563 (3) เงินสมทบไตรมาส 3 จากเดิมวันที่ 30 ตุลาคม 2563 เป็นวันที่ 30 ธันวาคม 2563 เพื่อบรรเทาผลกระทบของบริษัท
ประกันภัยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
โควิด-19
ทั้งนี้ ในส่วนที่อยูในอำนาจของสำนักงาน คปภ. เพื่อรับมือผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดดังกล่าว และเพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการ
ประกันภัยของประชาชน สำนักงาน คปภ. ได้ออกมาตรการและแนวทางการปฏิบัติที่สำคัญเพิ่มเติม ดังนี้
1. ผ่อนผันให้หน่วยงานที่ได้รับความเห็นชอบจาก คปภ. จัดอบรมหลักสูตรเพื่อขอต่ออายุใบอนุญาตตัวแทน-นายหน้า
ประกันภัย แบบสื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
โควิด-19
2. ให้งดการรับสมัครและการจัดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตเป็นนายหน้า
ประกันภัย ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 และสำนักงาน คปภ.ภาค/จังหวัด จำนวน 14 จังหวัด งดดำเนินการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 โดยให้สิทธิผู้สมัครสอบที่ถูกยกเลิกหรือเลื่อน สามารถสมัครสอบใหม่ได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการสอบครั้งต่อไป ซึ่งผู้ประสงค์เข้าสอบ สามารถติดตามข่าวสารได้จากเว็บไซต์สำนักงาน คปภ. www.oic.or.th หรือ e-mail : exam_int@oic.or.th หรือ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2515-3999 ต่อ 6508 ทั้งนี้เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของ
โควิด-19
3. ผ่อนผันให้ตัวแทน-นายหน้า
ประกันภัยที่ใบอนุญาตสิ้นอายุตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 สามารถยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตและชำระค่าธรรมเนียมด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งใบอนุญาตจะมีผลอยู่ต่อไป โดยสามารถอบรมและยื่นหนังสือรับรองการอบรมได้ภายหลังจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ทั้งนี้ หากสำนักงานไม่ได้รับหนังสือรับรองการอบรมภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าใบอนุญาตสิ้นผลบังคับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 นอกจากนี้ยังให้บริการช่องทางการขอรับและขอต่ออายุใบอนุญาตตัวแทนและนายหน้า
ประกันภัยด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์แทนการยื่นเอกสาร
4. ปรับปรุงแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการบริการต่าง ๆ ของสำนักงาน คปภ. เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยสามารถดำเนินการผ่านทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ได้แก่ การรับเรื่องร้องเรียน การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ที่ยกระดับความรุนแรงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป
5. ปรับปรุงแนวปฏิบัติในการยื่นขอรับและขอผ่อนชำระค่าเสียหายเบื้องต้น โดยสามารถดำเนินการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ที่ยกระดับความรุนแรงขึ้น
นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ยังได้ออกมาตรการและกำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินงานของสำนักงาน ได้แก่
1.ออกมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด -19 โดยกำหนดแนวทางการคัดกรอง กำหนดแนวทางการจัดประชุม/สัมนา หรือกิจกรรมอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน ออกมาตรการและกำหนดการดำเนินการกรณี
ฝ่าฝืนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ
โควิด-19
2. จัดทำแผนการทดสอบการปฏิบัติงานจากที่บ้าน (Work from home) เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
โควิด-19 โดยกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับให้พนักงานปฏิบัติงานจากที่บ้าน (Work from home) และกำหนดให้พนักงานเข้ามาปฏิบัติงานที่สำนักงานเท่าที่จำเป็น
3. เตรียมแผนการใช้จ่ายเงินฉุกเฉินของสำนักงาน คปภ. ประจำปี 2563 เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
โควิด-19 ใน
สถานการณ์ฉุกเฉิน
4. แต่งตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
โควิด-19 เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบริษัท
ประกันภัยมีมาตรการรองรับ และสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวให้สอดคล้องกับแผนดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง (Business Continuity Plan : BCP) ของบริษัท รวมทั้งมีมาตรการในเชิงป้องกันและรับมือกับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม
5. จัดตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
โควิด-19 สำนักงาน คปภ. (OIC Response Center -COVID-19) โดยมีหน้าที่กำหนดนโยบายและมาตรการเร่งด่วนต่าง ๆ เพื่อรองรับการปฏิบัติงานและการบริหารงานของสำนักงาน คปภ. และกำกับดูแล ติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของ
โควิด-19
“สำนักงาน คปภ. พร้อมที่จะบูรณาการกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนทุกมาตรการด้านการ
ประกันภัย ในการลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด–19 และเพื่อให้ประเทศไทยพ้นจากวิกฤตในครั้งนี้ไปให้ได้ โดยสำนักงาน คปภ. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการในทุกช่องทาง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างเต็มที่” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย