กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) แนะทาน “แตงโม” เพื่อช่วยคลายร้อน คลายความเครียด ด้วยคุณสมบัติอุดมด้วยสารอาหาร ที่ให้ประโยชน์กับร่างกาย ส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันการติดเชื้อ รักษาแผลให้หายเร็ว ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ
ในสภาวะที่มีแรงกดดันมากมายในยุคปัจจุบัน การรับประทานแตงโมสามารถช่วยลดความตึงเครียดได้ เพราะสารโพแทสเซียมในแตงโมจะช่วยควบคุมความดันโลหิตทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์ดี เย็นชื่นใจ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้แตงโมยังมีสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในด้านต่างๆ ดังนี้
“ช่วยป้องกันการติดเชื้อ” เพราะการดื่มน้ำแตงโมจะช่วยเพิ่มเบต้าแคโนทีน (Beta Carotene) ซึ่งร่างกายสามารถนำไปใช้ในการสร้างวิตามินเอ หากร่างกายมีวิตามินเอในปริมาณมากๆ จะมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และระบบขับปัสสาวะ รวมถึงยังช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้แข็งแรงอีกด้วย
“ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น” แตงโมมีสารซิตรัลลีน (citrulline) อยู่มาก โดยสารนี้จะไปช่วยในการรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น ทั้งนี้ในการรับประทานแตงโมไม่ใช่เพียงจะดื่มน้ำแตงโมอย่างเดียว เราควรกินเนื้อแตงโมเข้าไปด้วย โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นเนื้อสีขาวที่อยู่ลึกลงไป แม้รสชาติจะไม่ค่อยหวาน แต่มีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย
“ช่วยต้านมะเร็ง มีประโยชน์ต่อหัวใจ” แตงโมมีสารสำคัญสีแดงที่มีชื่อว่า “ไลโคปีน” (Lycopene) ที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งและโรคหัวใจ ซึ่งสารนี้จะมีอยู่มากในมะเขือเทศด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกันแล้วแตงโมจะมีมากกว่าถึง 40% นอกจากนี้วารสารวิชาการ “โรคมะเร็ง” แห่งเอเชียแปซิฟิก ได้ระบุว่าสารไลโคปีนนี้จะช่วยเป็นโล่ปกป้องผิวหนังจากรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด เพื่อไม่ให้เป็นมะเร็งผิว นอกจากนี้ทีมนักวิจัยจาก Florida State University พบว่าแตงโมมีกรดอะมิโน L-Citrulline อยู่มาก ซึ่งกรดชนิดนี้เป็นสารตั้งต้นของ L-Arginine ที่ช่วยควบคุมการทำงานของหลอดเลือดหัวใจและช่วยให้การไหลเวียนโลหิตเป็นไปโดยสะดวก จำเป็นต่อการสร้างกรดไนตริก ซึ่งเป็นก๊าซที่ช่วยขยายหลอดเลือด ช่วยลดความดันโลหิตและป้องกันเส้นเลือดสมองแตกได้
“มีประโยชน์ต่อคนที่เป็นโรคอ้วนและเบาหวาน” แตงโมมีแคลอรี่ต่ำและยังอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ที่มีประโยชน์ วารสารโภชนาการของต่างประเทศ “Journal of Nutrition” ได้ให้ข้อมูลว่า กรดอะมิโนในแตงโมที่มีชื่อว่า “อาร์จินิน (Arginine)” มีอยู่มากมายในเนื้อแตงโม เป็นสารที่ช่วยในการเผาผลาญแคลอรี่ได้ ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและกลูโคส ส่วนไขมันในแตงโมมี 96 แคลอรี่เท่านั้น ฉะนั้นการกินแตงโมที่ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำ จะช่วยทำให้เราอิ่มได้เร็วขึ้น
“แตงโมกับความงาม” ความเย็นของแตงโมจะช่วยผ่อนคลายผิวหน้าภายนอกให้ดูสดชื่น ส่วนสารสีแดงจากแตงโม คือ ไลโคปีน ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) จะสามารถดูดซับความมันบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี และวิตามินเอที่มีในแตงโมจะช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใสขึ้น และวิตามินซีจะช่วยให้ผิวกายสดใสขึ้น แตงโมสีแดงสดยังเต็มไปด้วยโพแทสเซียมที่จะช่วยควบคุมระบบการไหลเวียนของโลหิตในบริเวณผิวหน้าให้เป็นปกติ อีกทั้งยังช่วยให้รูขุมชนมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื่น น้ำของแตงโมก็มีประโยชน์ต่อผิวสวยของทุกคน เพราะในน้ำของแตงโมจะมีโมเลกุลของน้ำตาล รวมทั้งมีกรดอะมิโนอยู่เล็กน้อย ซึ่งจะช่วยในการบำรุงผิวของสาวๆ ให้สวยใสยิ่งขึ้น
แม้นว่าแตงโมแช่เย็นจะให้ความสดชื่นแก่ผู้รับประทาน แต่อาจมีคุณค่าทางโภชนาการลดลงเมื่อเทียบกับแตงโมที่เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง เนื่องจากแตงโมยังผลิตสารอาหารต่อเนื่องแม้ถูกเก็บมาจากต้นแล้ว ซึ่งกระบวนการนี้จะลดลงหากนำแตงโมไปเก็บในอุณหภูมิเย็น อย่างไรก็ตามรสเย็นของแตงโมก็มีส่วนช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ “แตงโม” ยังมีคุณค่าทางสมุนไพร อาทิ “ราก” มีน้ำยางใช้กินแก้อาการตกเลือดหลังการแท้ง “ใบ” ใช้ชงเป็นยาลดไข้ ผลที่แสนอร่อยนั้นมีคุณสมบัติเป็นยาเย็น ช่วยระบาย ขับปัสสาวะ ช่วยย่อย แก้เบาหวาน และดีซ่าน จากคุณประโยชน์ที่หลากหลายนี้แตงโมจึงเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอีกทางเลือกหนึ่งของคนรักสุขภาพทุกๆท่าน