กรุงเทพฯ--31 มี.ค.--บล.เออีซี
“ไต้ จง อี้”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี โชว์วิสัยทัศน์พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจหลักทรัพย์เต็มสูบ วางเป้าอนาคตขยับจากโบรกเกอร์ขนาดเล็กขึ้นเป็นโบรกเกอร์ขนาดกลาง พร้อมเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้มากขึ้นโดยใช้ระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ชี้เรื่อง Brokerage ยังเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ เหตุหากสามารถหาจุดสมดุลได้ในเรื่องมาร์เก็ตติ้งและผลตอบแทน ควบคู่กับตลาดทุนพลิกฟื้น เมื่อนั้นจะเป็นปัจจัยเร่งให้สามารถพลิกกลับมาฟื้นตัวได้ พร้อมมองหาธุรกิจใหม่ ลุยปล่อยมาร์จิ้นเสริมรายได้ให้กับบริษัทฯ ส่วนธุรกิจไหนขาดทุนพร้อมตัดทิ้ง
นายไต้ จง อี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) (AEC)
เปิดเผยภายหลังเข้ารับตำแหน่งซีอีโอของบริษัทฯ
ว่าหลังจากที่ได้เข้ามาศึกษาโครงสร้างธุรกิจของ AEC พบว่า
ยังมีศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจได้อีกหลากหลายช่องทาง แม้ว่าการแข่งขันในธุรกิจหลักทรัพย์จะมีความรุนแรงก็ตาม
โดยเฉพาะในเรื่องของการแย่งชิงบุคลากร ฝ่ายการตลาด (มาร์เก็ตติ้ง)
ซึ่งยอมรับว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับแทบทุกบริษัท
และเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ธุรกิจหลักทรัพย์
เพิ่มขึ้นหรือลดลง
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของ บล.เออีซีกว่า 60% มาจากธุรกิจหลักทรัพย์ แต่ในปี
2562 ที่ผ่านมา ลดลงเหลือเพียง 20%
เท่านั้น จึงจำเป็นต้องมีการปรับรูปแบบธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าธุรกิจหลักทรัพย์
ยังเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนบริษัทให้สามารถพลิกฟื้นกลับมามีกำไรได้ในเวลาอันรวดเร็ว
แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับปัจจัยหลายด้านประกอบกัน
ไม่ว่าจะเป็นสภาพการซื้อขายของตลาดทุนว่าคึกคักเพียงใด ประกอบกับการนำเทคโนโลยี AI
หรือ เทรดผ่านระบบออนไลน์
เข้ามาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานทั้งส่วนขององค์กรและลูกค้า รวมถึงช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานลงแต่ยังคงรักษาศักยภาพของการดำเนินธุรกิจได้
และที่สำคัญคือหากเราสามารถรักษาความสมดุลในเรื่องของรายได้และผลตอบแทน
ระหว่างบริษัทฯ กับมาร์เก็ตติ้ง ก็จะสามารถแข่งขันในธุรกิจหลักทรัพย์ได้ในระยะยาว
“นอกจากธุรกิจ Brokerage ผมได้มองหาธุรกิจอื่นๆ
เพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ
ซึ่งพบว่ายังมีโอกาสขยายไลน์เพื่อต่อยอดจากธุรกิจหลักทรัพย์ออกไปได้อีก อาทิ
การปล่อยมาร์จิ้น หรือเงินกู้รูปแบบต่างๆ
เพื่อให้มีรายได้จากดอกเบี้ยรับหรือค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น
ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบว่าจะเป็นอย่างไรที่สามารถดำเนินการได้บนความเหมาะสมและได้รับความยินยอมจากสำนักงาน
ก.ล.ต. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเราอยู่"
เขากล่าวต่อว่าในปัจจุบัน บล.เออีซี อยู่ในกลุ่ม
บล.ขนาดเล็ก เป้าหมายในอนาคตต้องการยกระดับขึ้นเป็น "บริษัทหลักทรัพย์ขนาดกลาง"
เพื่อให้มีมาร์เก็ตแชร์มากขึ้น ส่วนธุรกิจอื่นๆ ต้องพิจารณาว่าส่วนใดที่ไม่มีอนาคต
ไม่สามารถสร้างรายได้ ก็จำเป็นที่จะต้องตัดทิ้งไป
ส่วนที่สร้างรายได้ก็พร้อมส่งทีมงานเข้าไปเสริม
แต่การดำเนินงานทั้งหมดไม่สามารถทำเพียงลำพังได้
จะต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนของบริษัทฯ มาเป็นแรงสนับสนุน
"ผมมาที่นี่อยากแสดงฝีมือให้ทุกคนเห็นว่า
ทุกอย่างมีโอกาส และอยากให้ทุกคนมองเห็นโอกาสร่วมกัน
อยากให้ทุกคนรู้ว่าถ้าบริษัทอยู่ได้ เราก็อยู่ได้ เราต้องก้าวไปพร้อมๆ กัน” นายไต้
จง อี้ กล่าวในที่สุด