กรุงเทพฯ--31 มี.ค.--กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร
นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด (บลจ. ภัทร) บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า บลจ. จะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดภัทร SET50 ESG หน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออมพิเศษ (PHATRA SET50 ESG-SSFX) ในระหว่างวันที่ 1 – 8 เมษายน 2563 โดยกองทุนนี้เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนมีเป้าหมายเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET 50 โดยจะคัดเลือกหุ้นตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทจัดการกำหนด เช่น หลักเกณฑ์ด้านปัจจัยพื้นฐาน หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายและการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) เป็นต้น โดยกองทุน PHATRA SET50 ESG-SSFX นี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายเงินลงทุนไปในหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET50 และสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น โดยต้องลงทุนต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปี ตามหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
“ตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี
2563 นี้ ได้ปรับตัวลดลงมากกว่าร้อยละ 30 เนื่องมาจาก 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ 1)
การเกิดโรคระบาดไวรัสโควิด 19 ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก
ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ของหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย
ไม่ว่าภาคการท่องเที่ยว การผลิต หรือการบริการหยุดชะงักลง และ 2)
ความขัดแย้งระหว่างประเทศซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเกี่ยวกับปริมาณการผลิตน้ำมันทำให้ราคาน้ำดิบโลกปรับลดลงกว่าร้อยละ
40 ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันและโรงกลั่น อย่างไรก็ตาม
ธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลกรวมถึงไทย
ได้ผ่อนคลายนโยบายทางการเงินโดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงและอัดฉีดสภาพคล่องเข้ามาในระบบเป็นจำนวนสูงมาก
ประกอบกับรัฐบาลในหลายประเทศและไทยได้เริ่มอนุมัติงบประมาณทางการคลังช่วยเหลือทั้งภาคธุรกิจและเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด
ทำให้ความผันผวนของตลาดหุ้นไทยเริ่มลดลง ทั้งนี้
แม้ว่าแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี 2563
ต้องขึ้นอยู่กับพัฒนาการของโรคระบาดเป็นสำคัญว่าจะลดความรุนแรงลงในระยะเวลายาวนานเพียงใด
แต่ในมุมของการลงทุนระยะยาวแล้ว ในปัจจุบันมีหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีหลายตัว
มีมูลค่าอยู่ในระดับต่ำเกินกว่าที่ควรจะเป็น
จึงนับว่าเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว บลจ.ภัทร
จึงขอเสนอทางเลือกสำหรับการลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐาน
อีกทั้งมีการดำเนินนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม
สังคมและธรรมาภิบาลที่ดีให้แก่นักลงทุนไทยผ่านการลงทุนในกองทุนเปิดภัทร SET50 ESG ชนิดเพื่อการออมพิเศษนี้เอง”นายยุทธพล กล่าว
ทั้งนี้
กองทุนเพื่อการออมพิเศษ (SSFX)
มีขึ้นเพื่อช่วยส่งเสริมการออมระยะยาว โดยรัฐให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
ผู้ลงทุนสามารถหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนเพื่อการออมพิเศษ (SSFX) ได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท แยกต่างหากจากวงเงินหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน SSF ปกติ และไม่อยู่ภายใต้เพดานวงเงินหักลดหย่อนรวมของเงินสะสม
เงินสมทบหรือค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนเพื่อการเกษียณอายุทั้งหมด ทั้งนี้
ผู้ใช้สิทธิหักลดหย่อนตามมาตรการนี้จะต้องซื้อหน่วยลงทุนกองทุนเพื่อการออมพิเศษ (SSFX) นี้ ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2563 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563
และต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 10 ปี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่น ๆ
ที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
กองทุนนี้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการออมระยะยาวอีกทั้งได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมอีกด้วย
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถขอรับหนังสือชี้ชวนและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
บริษัทหลักทรัพย์ภัทร โทร. 02 305 9559 หรือ ธนาคารเกียรตินาคินทุกสาขา หรือ KKP Contact Center 02 165 5555
หรือ www.phatraasset.com หรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง
ข้อมูล IPO กองทุน PHATRA SET50 ESG-SSFX:
เปิด IPO วันที่ 1 – 8 เม.ย. 2563 เวลา 8.30-16.30 น.มูลค่าขั้นต่ำในการซื้อ 1,000 บาทค่าธรรมเนียมการขาย/สับเปลี่ยนเข้า: ปัจจุบันยกเว้น
คำเตือน :
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า
เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง
และควรศึกษาข้อมูลสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม
รวมถึงกฎหมายภาษีอากรที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษก่อนตัดสินใจลงทุน
กองทุนมีนโยบายเปิดให้มีการลงทุนในกองทุนรวมอื่นภายใต้
บลจ. เดียวกัน
ซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์อันอาจเกิดจากนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการเดียวกัน