กรุงเทพฯ--13 เม.ย.--สยามมิชลิน
วิกฤติด้านสาธารณสุขจากไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการหน้ากากอนามัยในฝรั่งเศสและทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นมาก เพื่อรับมือกับภาวะฉุกเฉินดังกล่าว มิชลินได้ระดมทีมงานและทรัพยากรที่มี ตลอดจนศักยภาพเชิงนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญด้านการวิจัย ด้านวัสดุ การผลิต และทักษะทางวิทยาศาสตร์ มาใช้ในการพัฒนา ผลิต และส่งมอบหน้ากากอนามัยหลายรูปแบบในปริมาณมากภายใต้กรอบระยะเวลาที่สั้นที่สุด แนวทางริเริ่มดังกล่าวส่งผลให้มิชลินมีบทบาทเชิงรุกที่สำคัญในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดทั่วโลกครั้งนี้ โดยมิชลินไม่เพียงจัดเตรียมหน้ากากอนามัยไว้เพื่อปกป้องสุขภาพและสร้างความปลอดภัยให้กับพนักงานของมิชลินเอง แต่ยังได้บริจาคหน้ากากอนามัยจำนวนมากให้กับบุคลากรด้านสาธารณสุขในประเทศที่มิชลินดำเนินธุรกิจอยู่อีกด้วย
เปิดสายการผลิตหน้ากากอนามัย* ณ โรงงาน 10 แห่งในยุโรป
ขณะนี้มิชลินอยู่ระหว่างดำเนินการผลิตหน้ากากอนามัยประเภท
Category 1 Surgical Masks ระยะเริ่มต้น
โดยตั้งเป้าที่จะผลิตให้ได้สัปดาห์ละราว 400,000 ชิ้น ซึ่งจะเป็นการผลิตจากโรงงานของมิชลินเอง
หรือเป็นการผลิตภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจหรือผู้รับเหมารายย่อย พื้นที่ปฏิบัติงานทั้ง 10 แห่ง**ในยุโรปที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมผลิตหน้ากากอนามัยในครั้งนี้
ครอบคลุมโรงงานที่ลากอมโบด (La Combaude) ในเมืองแกลร์มง-แฟร็อง ประเทศฝรั่งเศส, ที่เมืองโอลซ์ทิน ประเทศโปแลนด์, และที่เมืองซาเลา (Zal?u) ประเทศโรมาเนีย
ทั้งนี้
การดำเนินโครงการริเริ่มเช่นเดียวกันในภูมิภาคอเมริกาเหนือจะช่วยส่งเสริมให้ศักยภาพการผลิตหน้ากากอนามัยประเภทดังกล่าวในยุโรปขยายตัวขึ้นในสัปดาห์ต่อๆ
ไป
ร่วมกับหลายบริษัทภายใต้การนำและการประสานงานของกลุ่มบริษัท VOC-COV ในเมืองเกรอน็อบล์ (Grenoble) ประเทศฝรั่งเศส ออกแบบหน้ากากอนามัยที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้และดำเนินการผลิตในปริมาณมาก
หน้ากากอนามัยแบบ OCOV(R)FMP1 หรือ FMP2 ซึ่งพัฒนาและผลิตขึ้นภายในระยะเวลาสั้นเป็นประวัติการณ์ในเขตโอแวร์ญ-โรนาลป์ (Auvergne-Rhone-Alpes) ของฝรั่งเศส
เป็นหน้ากากอนามัยที่ราคาไม่แพงและมีความยั่งยืน
โดยสามารถผลิตได้ในปริมาณมากและนำกลับมาใช้ซ้ำได้ถึง 100 ครั้ง
เนื่องจากใช้แผ่นกรองแบบ 5 ชั้นที่สามารถซักและเปลี่ยนแผ่นกรองได้
ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเดินเครื่องผลิตหน้ากากดังกล่าวล็อตต้นแบบจำนวน
5,000 ชิ้น
โดยตั้งเป้าที่จะผลิตหน้ากากให้ได้ 1 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์ภายในเดือนพฤษภาคม
ซึ่งจะทำให้ยอดการผลิตหน้ากากทั้งสิ้นอยู่ที่มากกว่า 5
ล้านชิ้นภายในสิ้นเดือนมิถุนายน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบในเชิงการใช้งานจะเทียบเท่าหน้ากากแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งจำนวน
500 ล้านชิ้น
ผลิตกระบังหน้านิรภัยจากโพลีคาร์บอเนต (Polycarbonate Protective Visor) ที่ผ่านกระบวนการทำให้ปราศจากเชื้อสำหรับใช้งานในโรงพยาบาล
เนื่องจากโรงพยาบาลหลายแห่งในฝรั่งเศสมีความต้องการใช้งานกระบังหน้านิรภัยเพิ่มขึ้น
มิชลินจึงได้เปิดสายการผลิตกระบังหน้านิรภัยจากโพลีคาร์บอเนตที่ผ่านกระบวนการทำให้ปราศจากเชื้อสำหรับการใช้งานของบุคลากรด้านสาธารณสุข
โดยในราวต้นสัปดาห์หน้า
กลุ่มมิชลินจะเริ่มบริหารจัดการการผลิตกระบังหน้านิรภัยจำนวน 10,000 ชิ้น
ด้วยการว่าจ้างให้บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญจากภายนอกเป็นผู้ดำเนินการผลิต
นอกจากนี้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มิชลินยังได้รุกดำเนินโครงการริเริ่มหลายโครงการที่เกี่ยวข้องกับเครื่องช่วยหายใจ, ชิ้นส่วนอุปกรณ์การแพทย์, หมอนรองส่วนต่างๆ ของร่างกายสำหรับผู้ป่วย และเจลล้างมืออนามัยแบบไม่ต้องใช้น้ำ
เกี่ยวกับมิชลิน
มิชลิน ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยางรถยนต์ มุ่งมั่นส่งเสริมการสัญจรของลูกค้าอย่างยั่งยืน ออกแบบและจัดจำหน่ายยางที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด ตลอดจนให้บริการและโซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งครอบคลุมการให้บริการทางดิจิตอล การจัดทำคู่มือและแผนที่สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร รวมถึงการพัฒนาวัสดุทางเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับอุตสาหกรรมการสัญจร กลุ่มมิชลินมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแกลร์มง-แฟร็องประเทศฝรั่งเศส และมีสำนักงานสาขาอยู่ใน 170 ประเทศ โดยมีพนักงาน 127,000 คนทั่วโลก และมีโรงงานผลิตยาง 69 แห่ง ซึ่งผลิตยางรวมกันได้สูงถึง 200 ล้านเส้นในปี 2562 คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th
* ในยุโรปเรียกว่า surgical mask ส่วนในสหรัฐอเมริกาเรียกว่า face
mask
**
พื้นที่ปฏิบัติงานทั้ง 10 แห่งในยุโรป ได้แก่ เมืองบัมแบร์ค (Bamberg)
ประเทศเยอรมนี; เมืองบูร์ช (Bourges), เขตลากอมโบด (La Combaude)เมืองแกลร์มง-แฟร็อง (Clermont-Ferrand), เมืองโกลบีย์
(Golbey), เมืองชูเลส์ตูร์ (Joue les Tours) และเขตลาดูซ์ (Ladoux) ในเมืองแกลร์มง-แฟร็อง (Clermont-Ferrand) ประเทศฝรั่งเศส; เมืองอะเลสซานเดรีย (Alessandria) และเมืองคูเนโอ (Cuneo) ประเทศอิตาลี; เมืองโอล์ซทิน (Olsztyn) ประเทศโปแลนด์ และเมืองซาเลา (Zal?u) ประเทศโรมาเนีย