กรุงเทพฯ--15 เม.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
'บมจ. พริมา มารีน’ หรือ (“PRM”) ประเมินกลุ่มธุรกิจเรือ FSU ไปได้สวย เก็บเกี่ยวรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย จากจำนวนเรือที่ให้บริการทั้งหมด 8 ลำ เล็งเพิ่มอีก 1 ลำ ภายในปีนี้ หลังปริมาณความต้องการใช้เรือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลงและข้อกำหนด IMO 2020
นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) (“PRM”) ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมการให้บริการขนส่งและจัดเก็บปิโตรเลียมในช่วงไตรมาส 1/63 ที่ผ่านมา ยังมีความต้องการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง แม้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ COVID-19 โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งปิโตรเลียมและกักเก็บน้ำมัน หรือกลุ่มเรือ FSU เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง ทำให้คู่ค้าหันมาใช้เรือ FSU เพื่อจัดเก็บน้ำมันเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากข้อกำหนด IMO 2020 ที่เป็นปัจจัยสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จึงเป็นโอกาสของ PRM ที่จะสามารถเก็บเกี่ยวรายได้จากกลุ่มธุรกิจเรือ FSU ได้มากยิ่งขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ทยอยลงทุนขยายพอร์ตกองเรือในกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 3 ลำ รวมมีเรือให้บริการทั้งสิ้นจำนวน 8 ลำ ซึ่งมีอัตราการใช้งานโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจนเกือบเต็ม 100% ทำให้ในไตรมาส 1/63 นี้ PRM จะรับรู้รายได้การดำเนินงานจากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเต็มไตรมาส นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนจัดซื้อเรือ FSU เพิ่มเติมอีก 1 ลำภายในปีนี้ เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้ PRM สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสนับสนุนการเติบโตให้มากยิ่งขึ้น
“จากการประเมินเบื้องต้น กลุ่มเรือ FSU ซึ่งเป็นหัวหอกการเติบโตของปีนี้มีสัญญาณเชิงบวกจากปริมาณความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทฯ มีความพร้อมของกองเรือ จากจำนวนเรือ FSU ที่เพิ่มขึ้นเป็น 8 ลำ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีเรือให้บริการเพียง 5 ลำ ทำให้เราสามารถผลักดันการเติบโตของกลุ่มธุรกิจดังกล่าวได้เป็นอย่างดี” นายวิริทธิ์พล กล่าว