![เกษตรผนึกกำลังทุกภาคส่วนขับเคลื่อน 8 มาตรการ ช่วยเหลือเกษตรกรผลไม้จากวิกฤต Covid-19]()
กรุงเทพฯ--15 เม.ย.--
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นาย
อลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา
รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังจากการประชุมวิดีโอ Conferenceระหว่างส่วนราชการภาคเอกชน และภาคเกษตกร เพื่อติดตามความก้าวหน้าการบริหารจัดการการขนส่ง
ผลไม้ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19ว่า ดร.
เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำชับให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการมาตรการช่วยเหลือ
เกษตรกรในช่วงที่
ผลไม้เริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น โดยที่ประชุมได้สรุปแนวทางการบริหารจัดการ
ผลไม้ที่ได้ขับเคลื่อนมาระยะหนึ่งแบ่งออกเป็น8มาตรการ ดังนี้
1. มาตรการด้านการผลิต ได้แก่ 1)การบริหารจัดการเรื่องแรงงานเก็บ
ผลไม้ โดยจะมีการผ่อนผันการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามเขต ขยายการต่อใบอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวอีก3เดือน และเน้นการตรวจสุขภาพให้แก่แรงงานทุกราย 2) การดูแลความเป็นธรรมเรื่องราคาและปริมาณ จะมีการใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า และกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการเข้ามาควบคุม 3) การส่งเสริมให้มีการทำคอนแทรกฟาร์มมิ่ง เกษตรพันธะสัญญา 4) การเชื่อมโยงการกระจาย
ผลไม้ผ่านห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และผู้บริโภคโดยสนับสนุนบรรจุภัณฑ์ ขนาด 5กิโลกรัม (กก.) 10กก. และ 20กก. ให้แก่
เกษตรกร
2. มาตรการด้านตลาดในประเทศ ได้แก่ 1) ภาครัฐจะเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าเกษตร โดยขอความร่วมมือไปรษณีย์ไทยมาช่วยในการจัดส่ง
ผลไม้ ฟรี 200ตัน ซึ่งอยู่ระหว่างหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มปริมาณขึ้นอีก 2) การผลักดันให้นำ
ผลไม้จำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และส่งเสริมให้
เกษตรกรและผู้ประกอบการจำหน่าย
ผลไม้ทางช่องทางออนไลน์ และ 3)การรณรงค์การบริโภค
ผลไม้ในประเทศ (Eat Thai First) เพื่อส่งเสริมให้คนไทยได้บริโภค
ผลไม้ไทยเกรด Premium ในราคายุติธรรมตามฤดูกาล และส่งเสริมให้นำ
ผลไม้มอบเป็นของฝากของขวัญ
3. มาตรการด้านตลาดต่างประเทศ ได้แก่ 1) เดินหน้าการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ในรูปแบบออนไลน์ให้มากขึ้น และ 2)มอบหมายให้ทูตพาณิชย์เร่งส่งเสริมการขาย
ผลไม้ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด และประสานการจัดหาสินค้านำเข้า ไทยเพื่อลดต้นทุนค่าขนส่งทางอากาศจากไทย 4)การสนับสนุนค่าขนส่งทางอากาศ
4. มาตรการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ ได้แก่ 1) ช่วยสนับสนุนดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการที่รวบรวม
ผลไม้ในอัตรา3%ระยะเวลา 10เดือน 2) ชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการที่รวบรวม
ผลไม้เพื่อส่งออกในอัตรา 3%ระยะเวลา 6เดือน และ 3) ช่วยค่าใช้จ่ายรวบรวมเพื่อส่งออกอีกกิโลกรัมละ3บาท เป้าหมาย 1หมื่นตัน
5. มาตรการช่วยเหลือทางการเงินแก่สถาบัน
เกษตรกรและผู้ประกอบการ โดยเตรียมมาตรการช่วยลดภาระทางการเงิน ซึ่งมอบหมายให้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เป็นหน่วยงานหลัก ซึ่งได้ขอความร่วมมือ ธ.ก.ส. ผ่อนปรนการชำระหนี้ให้กับ
เกษตรกร โดยบอร์ด ธ.ก.ส. ได้พิจารณาอนุมัติมาตรการช่วยเหลือ
เกษตรกร เมื่อวันที่ 5มีนาคม 2563ดังนี้
1) ให้ปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้ โดยปลอดการชำระหนี้เป็นเวลา 3ปี ระยะเวลาการดำเนินมาตรการ ตั้งแต่วันที่ 1มกราคม 2563 – 31ธันวาคม 2564
-
เกษตรกรหรือลูกหนี้รายบุคคล ขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปไม่เกิน 15ปี
- กรณีผู้ประกอบการและสถาบัน ขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปไม่เกิน 20ปี
2) สนับสนุนสินเชื่อฟื้นฟูเพื่อเสริมสภาพคล่อง ให้
เกษตรกร สถาบันเกษตร และผู้ประกอบการเพื่อนำไปเสริมสภาพคล่องดำเนินธุรกิจ ดังนี้
- รายบุคคล ให้กู้ไม่เกิน 100,000บาท อัตราดอกเบี้ย -0.25จากสินเชื่อปกติ
- สถาบัน วงเงินไม่จำกัด อัตราดอกเบี้ย MLR -0.5
6. มาตรการเสริมศักยภาพการบริหารจัดการมาตรฐาน
ผลไม้ ได้แก่ สร้าง Central Lap ของไทยกรณีสินค้าเกษตรส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยจะไม่มีการตรวจสอบซ้ำที่ด่านปลายทาง ทั้งนี้อยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานฝ่ายจีน และเร่งออกใบรับรองมาตรฐาน GAP จำนวน 70,000แปลงให้
เกษตรกรไทย รวมทั้งสร้างองค์ความรู้ด้านเทคนิคการบรรจุห่อเพื่อยืดอายุ
ผลไม้ในยาวนานขึ้น
7. มาตรการเก็บรักษาและแปรรูปสร้างมูลค่า
ผลไม้โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
7.1
ผลไม้ส่วนเกินนำเข้าสู่ระบบการเก็บรักษาด้วยการอบการแช่เย็นและวิธีอื่นๆ
7.2การแปรรูป
ผลไม้เป็นอาหารและเครื่องดื่มสำหรับตลาดในและต่างประเทศ
8. มาตรการเพิ่มปริมาณการบริโภคภายในประเทศและระบบ
โลจิสติกส์
8.1ระบบโลจิสติกส์และการจำหน่าย
ผลไม้ทุกชุมชนทั่วประเทศโดยสหกรณ์และกลุ่ม
เกษตรกรผลไม้ร่วมกับผู้ประกอบการ
ผลไม้และผู้ประกอบการบริการโลจิสติกส์โดยการสนับสนุนงบประมาณของคชก.และกระทรวงพาณิชย์รวบรวมผลผลิตขนส่งและจำหน่ายทั่วประเทศผ่านร้านธงฟ้า สหกรณ์ รถเร่และตลาดชุมชนกว่า 70,000จุด
8.2 ขอความร่วมมือหน่วยราชการส่วนกลาง/ภูมิภาค/ท้องถิ่น-รัฐวิสาหกิจ-องค์กรมหาชน-รัฐสภา-องค์กรอิสระกว่า10,000 หน่วย เพื่อช่วยซื้อ
ผลไม้โดยแจ้งปริมาณจะจัดส่งทุก 5วันและขอความร่วมมือเป็นจุดขาย