กรุงเทพฯ--17 เม.ย.--เดนทัล คอร์ปอเรชั่น
D แจกข่าวดี! บริษัทย่อย “เดนทัลวิชั่น” เปิดฉากคว้างานขายชุดขายชุดเก้าอี้ทันตกรรม เครื่องเอกซเรย์ และเครื่องมือด้านทันตกรรมให้กับมหาวิทยาลัยภาครัฐ มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท บิ๊กบอส “ทพ.พรศักดิ์ ตันตาปกุล” มั่นใจพร้อมส่งมอบงานตามสัญญาภายใน 120 วัน แย้มอยู่ระหว่างยื่นประมูลงานใหม่เพิ่มอีกกว่า 100 ล้านบาท คาดรู้ผลภายในครึ่งหลังของปีนี้
ทพ.พรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (D) กลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจให้บริการทางทันตกรรมแบบครบวงจรในรูปแบบศูนย์ทันตกรรม คลินิกทันตกรรม รวมทั้งงานขายวัสดุ และอุปกรณ์ทันตกรรม เปิดเผยว่า บริษัท เดนทัลวิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (DVT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสินค้าทันตกรรมคุณภาพสูงจาก Brand ชั้นนำจากต่างประเทศ ให้แก่ทันตแพทย์, คลินิก, โรงพยาบาล,มหาวิทยาลัย และแลปทันตกรรม ได้เซ็นสัญญาขาย 1.ชุดโต๊ะปฏิบัติการทันตกรรมประดิษฐ์และทันตกรรมจัดฟัน พร้อมชุดเครื่องกรอ เครื่องดูดฝุ่น โคมไฟฟ้าและเก้าอี้ 2.เครื่องจำลองขากรรไกรเข้าสู่ระบบการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ 3.เครื่องกลึงชิ้นงานโลหะแบบเปียก และแบบแห้งทันตกรรมประดิษฐ์ 4.เครื่องถ่ายภาพรังสีเอกซ์แบบ 3 มิติ ให้กับมหาวิทยาลัยภาครัฐ มูลค่า 35.42 ล้านบาท ระยะเวลาการส่งมอบ 120 วัน
“ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของ บริษัท เดนทัล วิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ในการขยายฐานลูกค้าไปยังมหาวิทยาลัยภาครัฐ ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และบริษัทฯอยู่ระหว่างยื่นประมูลงานมหาวิทยาลัยภาครัฐ มูลค่ารวมประมาณ 100 ล้านบาท คาดรู้ผลประมูลงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้รายได้ของกลุ่มบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารDกล่าวอีกว่า แม้บริษัทฯจะได้รับผลกระทบจากจำนวนคนไข้จากต่างประเทศที่ลดลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ ทำให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า และมีผู้มาใช้บริการทันตกรรมที่เป็นคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการผลการดำเนินการของโรงพยาบาล ทันตกรรม กรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่จะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2563 และผลการดำเนินการของบริษัทย่อย ที่ดำเนินธุรกิจ ขายวัสดุ และอุปกรณ์ ทันตกรรม ให้กับภาครัฐ และภาคเอกชน ซึ่งแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19รวมไปถึงความพยายามในการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ ทำให้บริษัทฯมั่นใจว่า แนวโน้มรายได้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ ภายใต้สมมุติฐาน ภายในไตรมาส 3/63คลินิกทันตกรรม ทุกสาขาของบริษัทฯจะสามารถกลับมาดำเนินการได้ ใกล้เคียงกับปกติ และคนไข้ต่างชาติ สามารถเดินทางมารับการรักษาทันตกรรมได้ในไตรมาส ที่ 4/63
ทั้งนี้ รพ. BIDH เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางแห่งแรกที่มีการรักษาเต็มรูปแบบของโรงพยาบาลทันตกรรม (ฟัน) โดยใช้งบประมาณลงทุนกว่า 600 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่สนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคง
โดยปัจจุบัน D มีศูนย์ทันตกรรมBIDC 1 แห่ง คลินิกทันตกรรม BIDC 4 แห่ง ที่พารากอน , เอ็มควอเทียร์ , ภูเก็ต , เชียงใหม่ คลินิกทันตกรรม Smile Signature 8 สาขา คลินิกทันตกรรมเดนทัล แพลนเน็ต เมเจอร์ รังสิต 1แห่ง