กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมทั้งผู้บริหารกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กรมวิชาการเกษตร องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ร่วมกันบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภคซึ่งจำเป็นต่อการดำรงชีพ ซึ่งได้รับมอบจากขบวนการสหกรณ์ และสหกรณ์การเกษตร 4 แห่ง ร่วมกันบริจาคข้าวสารรวมจำนวนทั้งสิ้น 20 ตันได้แก่
สหกรณ์การเกษตรวิสัย จำกัด จังหวัดร้อยเอ็ดสหกรณ์การเกษตรปักธงชัย จำกัด จังหวัดนครราชสีมาสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด จังหวัดพิษณุโลก และสหกรณ์การเกษตรเมืองอุตรดิตถ์ จำกัด จังหวัดอุตรดิตถ์
โดยการนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สละเงินส่วนตัว เพื่อจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ อาทิ น้ำตาลทราย ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำหวานเข้มข้นเฮลบลูบอยด์ เกลือ อินทผาลัม หน้ากากผ้า และได้รับบริจาค นมไทย-เดนมาร์ค ของ อ.ส.ค. มาร่วมสมทบ ซึ่งได้บรรจุลงถุงยังชีพจำนวน 4,000 ชุด เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับพี่น้องสมาชิกสหกรณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 6,000 คน ที่ได้รับความเดือดร้อนหลังถูกสั่งปิดหมู่บ้าน 110 แห่ง ใน 21 อำเภอ เพื่อให้มีอาหารและของใช้ไว้ในช่วงระยะเก็บตัว เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด – 19 ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเนื่องจากมีเขตชายแดนติดต่อกับประเทศมาเลเซีย และการถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอนตั้งแต่วันที่ 24 หรือ 25 เมษายน ถึง 23 – 24 พฤษภาคม 2563 ที่จะถึงนี้ เป็นช่วงเวลาที่เข้าสู่เดือนรอมฎอนหรือเดือนศีลอดโดยจะดำเนินการส่งมอบไปยัง จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่สหกรณ์จังหวัด ตัวแทนสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ เข้ารับมอบถุงยังชีพและเข้าร่วมรับฟังการถ่ายทอดสัญญาณทางไกลผ่านระบบ Video Conference
จากนั้นได้มีการถ่ายทอดสดการปล่อยขบวนรถกระจายถุงยังชีพ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับสมาชิกสหกรณ์ใน 3 จังหวัดภาคใต้ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา 21 อำเภอ 110 หมู่บ้าน ผ่านระบบ Video Conference ซึ่งมอบไปยังนายอำเภอและผู้แทนสหกรณ์ในพื้นที่นำไปส่งมอบให้กับสมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับความเดือดร้อน เป็นการแสดงถึงพลังความรักความสามัคคีของขบวนการสหกรณ์ที่มีการเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน แม้อยู่ต่างพื้นที่ รวมถึงสร้างขวัญกำลังใจให้พี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้ สามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตของสถานการณ์ไวรัสโควิด –19 ได้อย่างปลอดภัยต่อไป