กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
'เอ็ม ที เอ็ม โฮลดิ้ง’ แนะภาคธุรกิจ ควรเร่งสื่อสารประชาสัมพันธ์เชิงรุกในช่วงโควิด-19 สร้างการรับรู้กลยุทธ์องค์กรฝ่ามรสุมรอดพ้นวิกฤต ปลุกความเชื่อมั่นทุกกลุ่มเป้าหมาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนต่ำ พร้อมผสมผสานการใช้สื่อออนไลน์เพื่อปิดการขาย รับพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน เพิ่มแต้มต่อทางธุรกิจฟื้นตัวเร็วกว่าคู่แข่งหลังวิกฤตคลี่คลาย
นายไพศาล ศรีจรัสจรรยา ประธาน บริษัท เอ็ม ที เอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ให้บริการวางแผนกลยุทธ์และที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ด้านการลงทุน การเงิน การสื่อสารทางการตลาดอย่างครบวงจร ที่มีประสบการณ์กว่า 15 ปี เปิดเผยว่า
การสื่อสารในช่วงวิกฤตมีความจำเป็นและสำคัญมากกว่าช่วงสถานการณ์ปกติ โดยภาคธุรกิจควรสื่อสารประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อสร้างความเข้าใจกับทุกกลุ่ม ทั้งพนักงาน คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ลูกค้า ผู้ถือหุ้น และนักลงทุน ถึงแนวทางการดำเนินกลยุทธ์ของบริษัทในการนำพาองค์กร ให้รอดพ้นจากภาวะวิกฤตและทำให้องค์กรมีความแข็งแกร่งหลังปัจจัยลบเริ่มคลี่คลาย ซึ่งบริษัท เอ็ม ที เอ็ม โฮลดิ้ง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนสื่อสารเชิงกลยุทธ์ (Strategic Communications) และที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ พร้อมนำองค์ความรู้ ผนวกกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อสร้างแพลทฟอร์มทางการสื่อสารใหม่ๆ สนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าให้เติบโตต่อไป
นายยงยุทธ ฟูพงศ์ศิริพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม ที เอ็ม โฮลดิ้ง กล่าวว่า การประชาสัมพันธ์ถือเป็นเครื่องมือการสื่อสารที่เหมาะสมกับภาวะวิกฤตที่สุด เนื่องจากสื่อสารคีย์เมสเซจ(Key Message)ไปยังกลุ่มเป้าหมายทั้งภายในและภายนอกองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กรและแบรนด์สินค้าได้ โดยมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการสื่อสารรูปแบบอื่นๆ นอกจากนี้ควรใช้การประชาสัมพันธ์ ควบคู่กับการใช้สื่อออนไลน์ โซเซียลมีเดียแคมเปญ เพื่อสร้าง Call to Action (CTA) ให้เกิดผลลัพธ์ด้านยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสร้างโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
ทั้งนี้ รูปแบบการสื่อสารที่ภาคธุรกิจที่ควรให้ความสำคัญ มี 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.คอนเทนต์ (Content) ต้องสร้างสรรค์ กระชับ ชัดเจน 2.รูปแบบการนำเสนอต้องเข้าใจง่าย เช่น อินโฟกราฟิก คลิปวิดีโอ การ์ตูน เป็นต้น และ
3.เลือกใช้ช่องทางสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ที่ต้องผสมผสานทั้งสื่อออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้ให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้ช่องทางสื่อสารของบริษัท (Owned Media) เช่น เฟซบุ๊กแฟนเพจ เว็บไซต์ เป็นต้น ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายและควบคุมเนื้อหาของการสื่อสารได้
“หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 สิ้นสุดลง แนวทางการทำงานและมุมมองของหลายๆ ธุรกิจจะเปลี่ยนแปลง ไป เกิดธุรกิจบริการใหม่ๆ มากขึ้น ดังนั้น ภาคธุรกิจควรใช้จังหวะนี้ปรับกลยุทธ์และเร่งสื่อสารประชาสัมพันธ์ ไปยังกลุ่มเป้าหมายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้จะส่งผลดีทำให้แบรนด์แข็งแรงและเป็นที่จดจำอยู่เสมอแล้ว เพราะหากสถานการณ์คลี่คลายก็จะฟื้นตัวและกลับมาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว” นายยงยุทธ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม ที เอ็ม โฮลดิ้ง กล่าวว่า ปัจจุบัน โครงสร้างของกลุ่มบริษัทฯ ประกอบด้วย บริษัท เอ็มที มัลติมีเดีย จำกัด เป็นบริษัทแกน ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด 'YOUR PARTNER IN STRATEGIC COMMUNICATIONS’ ให้บริการครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษาการวางกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ(IMC) กิจกรรมการตลาด และการบริหารสื่อออนไลน์ (Digital Media & Social Network) ที่มีประสบการณ์กว่า 15 ปี
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังมีบริษัทฯในเครือ คือ บริษัท เอสไอ ดอท คอม (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ให้บริการออกแบบเว็บไซต์และจัดการคอนเทนต์นักลงทุนสัมพันธ์ แก่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกว่า 300 ราย และบริษัท PRYCE Investor Relation ให้บริการที่ปรึกษากลยุทธ์ นักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations: IR) ทำให้ กลุ่มบริษัท เอ็ม ที เอ็ม โฮลดิ้ง สามารถให้บริการแก่บริษัทจดทะเบียนฯได้อย่างครบวงจร