กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--สยามมิชลิน
'มิชลิน’ผสานพันธมิตรกับ 'เอ็นไวโร’(Enviro) พัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีไพโรไลซิส*(Pyrolysis) สู่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่เพื่อแปรรูปยางรถยนต์ที่สิ้นสุดอายุการใช้งานแล้วกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่
การแปรรูปเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ หรือ “รีไซเคิล” (Recycle)เป็นเรื่องสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมยางรถยนต์และลูกค้า เพราะทุกปีจะมียางรถยนต์ราว 1 พันล้านเส้นสิ้นสุดอายุการใช้งาน เทคโนโลยีรีไซเคิลช่วยให้ยางรถยนต์ใช้แล้วกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งในฐานะวัตถุดิบคุณภาพสูง
เอ็นไวโรบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติสวีเดนซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2544 โดยมีพนักงาน 20 คน ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนองค์ประกอบทางเคมีและลักษณะทางกายภาพของนิวเมติกวัสดุ (Pneumatic Material) เมื่อนำมาผ่านกระบวนการไพโรไลซิส โดยควบคุมให้สิ้นเปลืองพลังงานน้อยที่สุด
เทคโนโลยีนวัตกรรมขั้นสูงนี้ช่วยในการผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง อาทิ คาร์บอนแบล็คที่ได้จากการรีไซเคิล (Recovered Carbon Black), น้ำมันไพโรไลซิส, เหล็ก หรือ ก๊าซ ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับไปใช้ในวงจรการผลิตของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อีกครั้ง และด้วยเทคโนโลยีรีไซเคิลดังกล่าว ยางรถยนต์ซึ่งปัจจุบันถูกมองว่าเป็นขยะ สามารถนำมาแปรรูปเพื่อใช้ประโยชน์เป็นวัตถุดิบแห่งอนาคตได้
พันธมิตรระหว่างมิชลิน และเอ็นไวโรตั้งอยู่บนพื้นฐาน 4 ประการ ดังนี้
การเป็นพันธมิตรอยู่ภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยการนำเทคโนโลยีไพโรไลซิสของเอ็นไวโรมาพัฒนาต่อยอดเพื่อใช้ประโยชน์ในวงกว้าง
มิชลินเข้าถือหุ้นร้อยละ 20 ในเงินทุนของเอ็นไวโรซึ่งมีมูลค่า 32,526,262 โครนาสวีเดน (ราว 3 ล้านยูโร) หรือเทียบเท่าการถือครองหุ้นจำนวน 116,165,223 หุ้น ซึ่งส่งผลให้มิชลินกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด โดยกลุ่มมิชลินจะสนับสนุนการพัฒนาองค์กรของเอ็นไวโรผ่านตัวแทนที่นั่งอยู่ในคณะกรรมการบริหาร ซึ่งคาดว่าจะได้รับการเสนอชื่อเพื่อให้ผู้ถือหุ้นลงคะแนนเสียงเร็วๆ นี้ อนึ่ง การสมัครเข้าเป็นผู้ถือหุ้นดังกล่าวได้รับการลงนามเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563
การดำเนินโครงการสร้างโรงงานร่วมกันเพื่อต่อยอดเทคโนโลยีสู่อุตสาหกรรม โดยสถานที่ตั้งโรงงานจะยืนยันให้ทราบในภายหลัง
การกำหนดให้มีข้อตกลงด้านการจัดหาวัตถุดิบ (Supply Agreement) ร่วมกันระหว่างมิชลินและเอ็นไวโร
การผสานพันธมิตรครั้งนี้ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถนำความรู้ความชำนาญที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันมาใช้ผลักดันให้การรีไซเคิลยางรถยนต์ก้าวรุดหน้า ทั้งนี้ มิชลินจะนำทักษะความชำนาญทางอุตสาหกรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อโครงการก่อสร้างโรงงาน การวิจัยและพัฒนา ตลอดจนการผลิต ขณะเดียวกัน เอ็นไวโรจะนำเทคโนโลยีไพโรไลซิสซึ่งเป็นสิทธิบัตรเฉพาะของตนเองมาใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง
โซเนีย อาร์ติเนียน-เฟรโด ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบริการพร้อมโซลูชั่นและวัสดุไฮเทค ของมิชลิน เปิดเผยว่า “การลงนามเป็นพันธมิตรกับเอ็นไวโรสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของมิชลินในเรื่องความยั่งยืนทุกด้าน (All Sustainable) โดยเป็นอีกก้าวสำคัญที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในระยะยาวของมิชลินที่มีต่อการรีไซเคิลและการสัญจรอย่างยั่งยืนนับจากปี 2560 ที่มิชลินเข้าซื้อกิจการของ Lehigh Technologies บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านผงยางขนาดอนุภาคเล็กที่ได้จากการรีไซเคิลยางรถยนต์”
ขณะนี้มิชลิน และเอ็นไวโรยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาข้อสรุปในการจัดทำข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ให้เสร็จสิ้นภายในกลางปี 2563
*เทคโนโลยีไพโรไลซิสก่อให้เกิดปฏิกิริยาแตกตัวทางเคมีของสารประกอบอินทรีย์จากการเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้นอย่างฉับพลัน ส่งผลให้เกิดการแยกตัวเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสารประกอบอินทรีย์นั้นมาตั้งแต่แรก
เกี่ยวกับมิชลิน
มิชลิน ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยางรถยนต์ มุ่งมั่นส่งเสริมการสัญจรของลูกค้าอย่างยั่งยืน ออกแบบและจัดจำหน่ายยางที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด ตลอดจนให้บริการและโซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งครอบคลุมการให้บริการทางดิจิตอล การจัดทำคู่มือและแผนที่สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร รวมถึงการพัฒนาวัสดุทางเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับอุตสาหกรรมการสัญจร กลุ่มมิชลินมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแกลร์มง-แฟร็องประเทศฝรั่งเศส และมีสำนักงานสาขาอยู่ใน 170 ประเทศ โดยมีพนักงาน 127,000 คนทั่วโลก และมีโรงงานผลิตยาง 69 แห่ง ซึ่งผลิตยางรวมกันได้สูงถึง 200 ล้านเส้นในปี 2562 คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th