กรุงเทพฯ--22 เม.ย.--สำนักงานสหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์
นายราชศักดิ์ ตระสินธุ์ สหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นางวิไล ยูฮันเซ่น ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่ ร่วมหารือกับนายไมตรี โรจนสินวิไล กรรมการบริหารบริษัททวีกิจซุปเปอร์ เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นห้างที่มีซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเจรจาการซื้อขายสินค้าการเกษตรร่วมกับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรบุรีรัมย์ จำกัด สหกรณ์การเกษตรคูเมือง จำกัด สหกรณ์การเกษตรโนนสุวรรณ จำกัด สหกรณ์นิคมแคนดง จำกัด และกลุ่มเกษตรกรทำนาปะเคียบ ซึ่งแต่ละสหกรณ์ได้นำตัวอย่างสินค้าการเกษตรที่ทางสหกรณ์ส่งเสริมให้สมาชิกผลิต มานำเสนอเพื่อจำหน่ายให้กับห้างทวีกิจซุปเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งสินค้าหลัก ๆ ได้แก่ ข้าวสารหอมมะลิ 105 ข้าวกล้อง ฟักแฟง ฟักทอง มะเขือเปราะ ข้าวโพดสด พริกแดงสด และผลไม้ เช่น กล้วยหอมทอง มะม่วง และลำไย ซึ่งผลจากการเจรจาครั้งนี้เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากทางห้างได้ขอให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรนำสินค้ามาส่งให้กับ ห้างทวีกิจฯ เพื่อวางขายในซุปเปอร์มาเก็ต โดยจะเริ่มนำสินค้ามาจำหน่ายได้ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ ห้างทวีกิจ เป็นห้างสรรพสินค้าที่ขึ้นชื่อของจังหวัดบุรีรัมย์ มี 169 สาขา กระจายอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ และมีสาขาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ 81 สาขา ทั่วทุกอำเภอ และทางห้างจะมีการจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์ในทุก ๆ วัน และมีบริการนำสินค้าส่งลูกค้าถึงบ้าน ซึ่งเป็นรูปแบบในการจำหน่ายสินค้าอีกช่องทางหนึ่งของห้างทวีกิจฯ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ขณะนี้
นอกจากนี้ ทางสำนักงานสหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ ยังได้ประสานงานเบื้องต้นกับหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ โดยนายณัชอิสร์ ศรีสุขพรชัย ประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเจรจากับห้างสรรพสินค้าต่างๆ ในจังหวัดบุรีรัมย์ ในการขยายช่องทางกระจายสินค้าและเชื่อมโยงเครือข่ายสินค้าเกษตรระหว่างสหกรณ์กับห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ อย่างทั่วถึง โดยสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรผุ้ผลิตสินค้าได้นำตัวอย่างสินค้าพืชผัก ผลไม้ชนิดต่างๆ ที่ได้ส่งไปวางจำหน่ายในห้างที่มีในจังหวัดบุรีรัมย์บางส่วนแล้วมานำเสนอ และเห็นว่าวิธีดังกล่าวจะช่วยเปิดโอกาสในการขยายช่องทางตลาดสินค้าให้กับสหกรณ์ และเป็นรูปแบบของการเชื่อมโยงเครือข่ายที่ดี ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้นพบว่ากระแสตอบรับจากผู้บริโภคเป็นไปด้วยดีและยอมรับในเรื่องคุณภาพของพืชผัก ผลไม้ และสินค้าข้าวสารของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่ได้ส่งสินค้าดังกล่าวไปจำหน่ายภายในห้าง ในราคาที่ไม่แพงมากนัก คาดว่าโครงการนี้จะสามารถเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรผลิตพืชผักผลไม้และข้าวสารที่มีคุณภาพ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคและผู้ประกอบการภาคเอกชนในพื้นทีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรได้มีแหล่งจำหน่ายสินค้าที่แน่นอน ทำให้สมาชิกสหกรณ์สามารถผลิตพืชผัก ผลไม้ ส่งให้สหกรณ์รวบรวมและจำหน่ายให้กับห้างและตลาดต่างๆ ในจังหวัดบุรีรัมย์ได้ทุกวัน ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของสมาชิกสหกรณ์ได้มีความอยู่ดีกินดี เป็นการสร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้กับครัวเรือนต่อไป